ข้อตกลงและเงื่อนไขการใช้บริการเว็บไซต์ www.simummuangonline.com
ด้วย บริษัท ดอนเมืองพัฒนา จำกัด เจ้าของและผู้บริหารกิจการ “ตลาดสี่มุมเมือง” ได้ให้บริการแพลตฟอร์มทางการค้าผ่านเว็บไซต์ www.simummuangonline.com เพื่อให้ผู้ใช้บริการทำการซื้อขายสินค้าในระบบออนไลน์ โดยผู้ใช้บริการต้องผูกพันและปฏิบัติภายใต้ข้อตกลงและเงื่อนไขดังต่อไปนี้

คำนิยาม

ข้อ 1. ความหมายของคำหรือข้อความให้เป็นไปตามที่กำหนด ดังต่อไปนี้
“บริษัท” หมายถึง บริษัท ดอนเมืองพัฒนา จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของและผู้บริหารตลาดสี่มุมเมือง
“ตลาด” หมายถึง ตลาดสี่มุมเมือง ซึ่งเป็นกิจการของบริษัท
“แผงค้า” หมายถึง แผงหรือพื้นที่การค้าในตลาดที่มีไว้ให้เช่าเพื่อประกอบการค้า
“เจ้าของแผงค้า” หมายถึง ผู้เช่าแผงค้าเพื่อประกอบการค้าในตลาด โดยบริษัทเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์
“เงื่อนไข” หมายถึง ข้อตกลง เงื่อนไข ข้อกำหนด ข้อผูกพัน ข้อปฏิบัติ ข้อห้าม ตามที่กำหนดในข้อตกลงและเงื่อนไขการใช้บริการเว็บไซต์ www.simummuangonline.com ฉบับนี้ ไม่ว่าทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งส่วนใด
“เว็บไซต์” หมายถึง www.simummuangonline.com รวมถึงแอพพลิเคชั่นที่นำเข้าถึงเว็บไซต์เพื่อใช้แพลตฟอร์ม
“แพลตฟอร์ม” หมายถึง ตลาดในรูปแบบเว็บไซต์รวมถึงแอพพลิเคชั่นบนโทรศัพท์มือถือ เพื่อการทำธุรกรรมซื้อขายสินค้า รวมถึงการสื่อสาร การชำระเงิน การจัดเก็บข้อมูล และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยใช้ระบบและโปรแกรมอิเล็กทรอนิกส์
“ระบบ” หมายถึง ขั้นตอนดำเนินการ คำสั่ง การสื่อสาร การเชื่อมโยง รวมถึงฟังก์ชั่นต่าง ๆ ที่จัดการด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์เพื่อประโยชน์การใช้งานแพลตฟอร์ม
“ข้อมูล” หมายถึง สิ่งที่อยู่ในหน้าเว็บเพจทั้งหลายบนแพลตฟอร์ม รวมทั้งข้อสนเทศ ภาพ ลิงค์ เสียง กราฟฟิก วิดีโอ ซอฟต์แวร์ แอพพลิเคชั่น เอกสาร และข้อมูลในรูปแบบอื่น ๆ ที่แสดงอยู่หรือจัดไว้หรือทำงานอยู่บนแพลตฟอร์มเพื่อประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ของแพลตฟอร์ม รวมถึงประโยชน์ในด้านการสื่อสาร การโฆษณาประชาสัมพันธ์
“ข้อมูลสินค้า” หมายถึง ข้อมูลที่แสดงหรือบ่งชี้ตัวสินค้า รวมถึงรายละเอียดอื่น ๆ เช่น ราคา แหล่งผลิต พันธุ์ ประเภท ชนิด คุณภาพ มาตรฐานสินค้า เป็นต้น และบรรดาข้อมูลที่ใช้เพื่อการสื่อสาร การโฆษณาประชาสัมพันธ์ การส่งเสริมการขาย ให้ถือเป็นข้อมูลสินค้าด้วย
“ผู้ใช้บริการ” หมายถึง ผู้ขายและหรือผู้ซื้อที่ใช้บริการแพลตฟอร์ม
“ผู้ขาย” หมายถึง ผู้ที่เข้ามาลงทะเบียนตามระบบเพื่อเป็นผู้ขายสินค้าให้แก่ผู้ซื้อบนแพลตฟอร์ม โดยลงทะเบียนผ่านระบบทางเว็บไซต์ตามที่บริษัทอนุญาต และต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไข รวมถึงสัญญาหรือข้อตกลงอื่น ๆ ที่อาจมีเพิ่มเติม
“ผู้ซื้อ” หมายถึง ผู้ที่เข้ามาลงทะเบียนตามระบบเพื่อเป็นผู้ซื้อสินค้าจากผู้ขายที่มีอยู่บนแพลตฟอร์ม โดยลงทะเบียนผ่านระบบทางเว็บไซต์เพื่อเข้าใช้บริการแพลตฟอร์มภายใต้เงื่อนไข
“ผู้ส่ง” หมายถึง บริษัทซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้ขนส่งสินค้าเพื่อนำใปส่งมอบแก่ผู้ซื้อ หรืออาจเป็นผู้ที่บริษัทยินยอมหรือมอบหมายให้ทำหน้าที่ดังกล่าว
“สินค้า” หมายถึง ผัก ผลไม้ ผลผลิตหรือผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ที่ซื้อขายกันเป็นปกติ รวมถึงสินค้าและหรือบริการอื่น ๆ ซึ่งบริษัทอนุญาตให้ซื้อขายได้ในร้านค้าบนแพลตฟอร์ม
“ร้านค้า” หมายถึง ร้านค้าหรือพื้นที่ทางการค้าของผู้ขายแต่ละรายที่มีอยู่บนแพลตฟอร์ม
“ราคาหน้าร้าน” หมายถึง ราคาของสินค้าที่ผู้ขายแสดงเจตนาขายให้แก่ผู้ซื้อโดยประกาศแสดงราคาให้ผู้ซื้อเห็นที่หน้าร้านค้า
“ราคาสินค้า” หมายถึง ราคาของสินค้าตามที่ซื้อขายกันจริงซึ่งอาจมีการต่อรองต่างจากราคาหน้าร้าน ในกรณีที่เปิดให้มีการต่อรองกันได้ผ่านระบบ
“ตะกร้า” หมายถึง ที่รวมของสินค้าที่ผู้ซื้อเลือกซื้อจากร้านค้า ซึ่งจะต้องดำเนินการชำระเงินตามระบบ
“ศูนย์” หมายถึง ศูนย์กระจายสินค้าซึ่งเป็นสถานที่บริษัทหรือผู้ส่งตรวจรับมอบสินค้าจากผู้ขายก่อนกระจายส่งให้แก่ผู้ซื้อตามรอบระยะเวลาของการจัดส่ง
“ทรัพย์สินทางปัญญา” หมายถึง ลิขสิทธิ์ เครื่องหมายการค้า สิทธิบัตร ชื่อและสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ โดเมนเนมบนเว็บไซต์ สิทธิในการออกแบบโครงร่าง สิทธิ์ในแบบที่จดทะเบียนไว้ สิทธิในฐานข้อมูล ชื่อทางการค้าและธุรกิจ สิทธิในการปกป้องความลับทางการค้าและข้อมูลอันเป็นความลับ สิทธิในการปกป้องค่าแห่งความนิยม และชื่อเสียงและสิทธิอันมีเจ้าของอื่น ๆ ทั้งหลายในทำนองเดียวกัน ซึ่งบริษัทเป็นเจ้าของ
“ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง ข้อมูลไม่ว่าแท้จริงหรือไม่ ซึ่งสามารถใช้ในการบ่งชี้ ติดต่อ หรือแจ้งตำแหน่งของบุคคล รวมถึงชื่อผู้ใช้อีเมล์แอดเดรส ประวัติส่วนบุคคล ที่อยู่สำหรับส่งสินค้า หมายเลขโทรศัพท์ และข้อมูลทางบัญชีที่ใช้ในการชำระเงินและรับเงิน

หมวดที่ 1 เงื่อนไขผู้ซื้อ

ข้อ 2. การสมัครสมาชิก
(1) ผู้ที่ประสงค์จะซื้อสินค้าบนแพลตฟอร์มสามารถลงทะเบียนสมัครเป็นผู้ซื้อผ่านทางระบบเว็บไซต์ตามระบบในแพลตฟอร์ม โดยเมื่อได้ดำเนินการอย่างถูกต้องครบถ้วนตามระบบและระบบได้ตอบรับให้เป็นสมาชิกแล้วจึงจะมีสถานะเป็นผู้ซื้อซึ่งมีสิทธิซื้อสินค้าบนแพลตฟอร์มได้ ทั้งนี้ ผู้ซื้อตกลงผูกพันและปฏิบัติตามเงื่อนไขทุกประการ
(2) ในการลงทะเบียนสมัครเป็นสมาชิกเพื่อเป็นผู้ซื้อบนแพลตฟอร์ม ต้องให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่ถูกต้องแท้จริงสมบูรณ์ และเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงในข้อมูลดังกล่าว ผู้ซื้อจะต้องปรับปรุงข้อมูลนั้น ๆ ให้เป็นปัจจุบันอยู่เสมอ ซึ่งบริษัทจะจัดการข้อมูลส่วนบุคคลตามนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท
(3) เพื่อเป็นการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล หลังจากลงทะเบียนสมาชิกเพื่อใช้งานเป็นครั้งแรกแล้ว ผู้ซื้อจะต้องทำการยืนยันตัวตนผ่านทาง e-mail โดยผู้ซื้อจะได้รับ e-mail 1 ฉบับ พร้อมกับลิงก์ที่ใช้สำหรับยืนยัน หรือ ทางโทรศัพท์มือถือโดยใช้รหัส OTP ที่บริษัทส่งให้ทาง SMS เข้าไปยังโทรศัพท์มือถือของผู้ซื้อ เมื่อได้ยืนยันตัวตนตามระบบแล้วจึงจะสามารถเป็นผู้ซื้อที่สามารถสั่งซื้อสินค้าบนแพลตฟอร์มได้
(4) บริษัทสงวนสิทธิที่จะปฏิเสธการสมัครลงทะเบียนเป็นผู้ซื้อโดยไม่ต้องอ้างเหตุผลใด ๆ และมีสิทธิที่จะระงับการให้บริการและ/หรือเพิกถอนการเป็นสมาชิกแพลตฟอร์มของผู้ซื้อหรือยกเลิกสถานะผู้ซื้อได้ทันทีโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า หากบริษัททราบหรือตรวจพบว่าผู้ซื้อแจ้งข้อมูลที่เป็นเท็จในการลงทะเบียน หรือกระทำการอันเป็นการไม่เหมาะสม ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย หรือเป็นการขัดต่อข้อตกลงและเงื่อนไขฉบับนี้ หรือขัดต่อศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า ผู้ซื้อเข้าใช้แพลตฟอร์มโดยมีเจตนาทุจริต

ข้อ 3. สินค้า ราคา และการสั่งซื้อ
(1) บริษัทได้กำหนดให้ผู้ขายเป็นผู้ระบุรายละเอียดสินค้า ซึ่งรวมถึงมาตรฐานสินค้า และราคาหน้าร้านตามที่ผู้ขายได้ประกาศบนหน้าร้านค้าของแต่ละร้านค้า เพื่อให้ผู้ซื้อได้ใช้ประกอบการพิจารณาเบื้องต้นในการเลือกซื้อสินค้าทั้งนี้ ผู้ซื้อเป็นผู้ทำความเข้าใจในรายละเอียดตามที่ผู้ขายได้ประกาศ หรือรายละเอียดที่แสดงในเอกสารที่ปรากฏในด้านล่างของแพลตฟอร์มด้วยตนเอง เมื่อผู้ซื้อได้ตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าและได้ดำเนินการเพื่อสั่งซื้อสินค้าตามระบบแล้ว สินค้าของผู้ซื้อจะอยู่ในตะกร้าซึ่งผู้ซื้อจะต้องดำเนินการชำระราคาสินค้าตามระบบ
(2) ถึงแม้ว่าบริษัทจะยินยอมให้ผู้ขายนำเสนอรายละเอียดสินค้าที่ผู้ขายได้สร้างและประกาศตาม (1) แต่บริษัทไม่รับประกันว่ารายละเอียดสินค้าดังกล่าวจะมีความแม่นยำ เป็นปัจจุบัน หรือปราศจากข้อผิดพลาดใด ๆ
(3) สินค้าและบริการทั้งหลายที่อาจปรากฏอยู่ในแพลตฟอร์มนอกเหนือจากที่บริษัทกำหนด เช่น สินค้าและบริการที่เกิดขึ้นจากการตกลงระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายผ่านการพูดคุย หรือโฆษณาประชาสัมพันธ์ กิจกรรมส่งเสริมการขายต่าง ๆ ของผู้ขาย บริษัท ยินยอมให้ประกาศเพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจเท่านั้น ไม่มีการรับรองหรือรับประกันแต่อย่างใด ไม่ว่าโดยปริยายชัดแจ้งหรือโดยบทกฎหมายใด
(4) ผู้ซื้อมีสิทธิในการต่อรองราคาสินค้าทุกรายการในระบบต่อราคาที่ปรากฏบนแพลตฟอร์ม โดยสามารถศึกษารายละเอียดตามวิธีการต่อรองราคาที่มีอยู่ในระบบดังกล่าว ทั้งนี้ หากผู้ขายไม่มีการเจรจาต่อรองกับผู้ซื้อในขณะที่ผู้ซื้อยื่นข้อเสนอต่อรองตามระบบ ผู้ซื้อมีสิทธิที่จะไม่เลือกซื้อสินค้าหรืออาจเลือกซื้อสินค้าตามราคาหน้าร้าน
(5) ก่อนเข้าสู่ขั้นตอนจบการสั่งซื้อและชำระราคาสินค้าให้ผู้ซื้อพิจารณาตรวจสอบรายละเอียดสินค้าที่แสดงบนหน้าจอตะกร้าให้ถูกต้องตรงตามความต้องการแล้วจึงดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปจนเสร็จการสั่งซื้อและกดชำระเงินในระบบเพื่อให้มีสถานะเป็นตะกร้าสินค้าที่รอการชำระเงิน หลังจากนั้น ผู้ซื้อจะต้องทำการชำระราคาสินค้าตามเงื่อนไขที่กำหนดในข้อ 4.
(6) บริษัทไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะมีสินค้าตามรายการทั้งหมดที่ได้แสดงไว้ในหน้าหน้าร้านค้า รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของราคาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เนื่องจากเป็นสิทธิอยู่ในความรับผิดชอบดำเนินการของผู้ขายเองซึ่งอาจมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงหรืออาจมีข้อผิดพลาดทางเทคนิค บริษัทเป็นเพียงผู้ให้บริการแพลตฟอร์มและมีสถานะเป็นสื่อกลางในการซื้อขายสินค้า
(7) ผู้ซื้อสามารถจะติดตามสถานะของสินค้าที่สั่งซื้อและการจัดการส่งมอบสินค้าเท่าที่กำหนดไว้ในระบบ

ข้อ 4. การชำระเงิน
(1) ผู้ซื้อเป็นผู้เลือกวิธีการชำระราคาสินค้าตามวิธีการและขั้นตอนที่กำหนดไว้ในระบบสั่งซื้อเท่านั้น   และจะต้องดำเนินการตามขั้นตอนการชำระเงินจนสำเร็จภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ในระบบบนแพลตฟอร์ม จากนั้นระบบจะแสดงผลว่าผู้ซื้อได้ชำระสินค้าเรียบร้อยแล้ว หากผู้ซื้อไม่ชำระราคาสินค้าหรือไม่สามารถที่จะดำเนินการชำระให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนดได้ไม่ว่าด้วยเหตุกรณีใด ระบบจะยกเลิกการซื้อขายโดยอัตโนมัติ
(2) เมื่อผู้ซื้อได้ชำระราคาสินค้าแล้ว ถือว่าได้มีการทำสัญญาซื้อขายซึ่งมีผลผูกพันโดยตรงระหว่างผู้ขายกับผู้ซื้อเท่านั้น ส่วนการส่งมอบสินค้าจะเป็นไปตามระบบที่กำหนดไว้ในแพลตฟอร์ม และอยู่ภายใต้เงื่อนไขนี้
(3) กรณีที่มีความผิดพลาดทางเทคนิคทำให้มีการรายงานในระบบว่าผู้ซื้อชำระราคาสินค้าแล้ว แต่ในความเป็นจริงสามารถตรวจสอบและยืนยันได้ว่าผู้ซื้อยังไม่ชำระเงิน บริษัทมีสิทธิยกเลิกการซื้อขายหรือเปลี่ยนสถานะให้ตรงตามความเป็นจริง
(4) เมื่อผู้ซื้อได้ดำเนินการตามขั้นตอนในระบบการสั่งซื้อจนถึงสถานะตะกร้ารอการชำระเงินแล้ว   บริษัทมีสิทธิที่จะเรียกหรือแจ้งเตือนให้ผู้ซื้อชำระราคาสินค้าโดยถือเป็นการกระทำในนามของผู้ขาย และจะดำเนินการได้ดังกล่าวได้ภายในระยะเวลาการชำระเงินหรือระยะเวลาที่อาจมีการขยายออกไป
(5) ราคาสินค้าที่ผู้ซื้อชำระจะเข้าสู่บัญชีรับเงินของบริษัทก่อน โดยบริษัทมีฐานะเป็นตัวแทนของผู้ขายในการรับชำระราคาสินค้าและบริษัทจะทำการโอนค่าสินค้าให้แก่ผู้ขายตามเงื่อนไขและข้อตกลงระหว่างบริษัทกับผู้ขาย

ข้อ 5. การส่งสินค้าและการรับสินค้า ณ สถานที่ของผู้ซื้อ
(1) เมื่อผู้ขายได้รับหลักฐานการยืนยันการซื้อและชำระราคาสินค้าแล้ว ผู้ส่งจะทำการจัดส่งสินค้าตามรอบการจัดส่งที่กำหนดไว้ในระบบ โดยนำสินค้าไปส่งมอบให้แก่ผู้ซื้อ ณ สถานที่ส่งมอบสินค้าที่ผู้ซื้อแจ้งไว้ในขั้นตอนการสั่งซื้อตามที่ปรากฏอยู่ในระบบ ทั้งนี้ ผู้ซื้อไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสถานที่ส่งมอบสินค้าได้เมื่อได้ทำการชำระราคาสินค้าเรียบร้อยแล้ว
(2) ผู้ซื้อจะต้องรอรับมอบสินค้า ณ สถานที่ส่งมอบสินค้า โดยให้ผู้ซื้อลงชื่อรับสินค้าจากผู้ส่ง หากไม่พบผู้ซื้อ หรือไม่สามารถติดต่อผู้ซื้อให้มารับสินค้าได้ หรือไม่ปรากฏสถานที่ส่งมอบสินค้าแม้ผู้ส่งจะได้ไปโดยถูกต้องตามที่อยู่หรือสถานที่ซึ่งผู้ซื้อแจ้งไว้ในระบบ หรือผู้ซื้อไม่รับมอบสินค้าโดยไม่เป็นไปตามเงื่อนไขข้อยกเว้น ผู้ส่งอาจดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้
(ก) วางสินค้าไว้ ณ สถานที่ส่งมอบสินค้า โดยถือผู้ซื้อได้รับมอบสินค้าแล้ว ทั้งนี้ ผู้ส่งและผู้ขายไม่ต้องรับผิดชอบในความเสียหายของสินค้าเนื่องจากการที่ได้ดำเนินการดังกล่าว
(ข) นำสินค้ากลับคืน ในกรณีนี้หากผู้ซื้อแจ้งขอให้ส่งสินค้าที่นำกลับคืนอีกครั้งและมีความเป็นไปได้ในการจัดส่งตามวิธีการของผู้ส่ง ผู้ส่งอาจดำเนินการส่งสินค้าให้ผู้ซื้ออีกครั้ง โดยผู้ขายและผู้ส่งไม่ต้องรับผิดชอบในการเปลี่ยนแปลงสภาพของสินค้าที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ และผู้ส่งสงวนสิทธิที่จะเรียกค่าขนส่งเพิ่มเติมจากผู้ซื้อ ทั้งนี้ หากผู้ส่งนำสินค้ากลับคืนแล้วแต่ผู้ซื้อยังคงเพิกเฉย ผู้ส่งและผู้ขายไม่ต้องรับผิดในความเสียหายของผู้ซื้อและไม่จำต้องคืนเงินค่าสินค้าให้แก่ผู้ซื้อ
(3) ตัวแทนของผู้ซื้อหรือผู้ที่อยู่ในสถานที่ส่งมอบสินค้าซึ่งได้รับมอบสินค้าแทนผู้ซื้อ ให้ถือว่าผู้ซื้อได้รับมอบสินค้าด้วยตนเองแล้ว
(4) หากผู้ซื้อชำระราคาสินค้าแล้ว แต่ผู้ขายไม่จัดเตรียมสินค้าให้ผู้ส่งทำการจัดส่งสินค้าโดยไม่ใช่ความผิดของผู้ซื้อ ถือเป็นกรณีที่ผู้ขายผิดสัญญาซื้อขาย ผู้ซื้อและหรือผู้ส่งมีสิทธิติดตามให้ผู้ขายนำส่งสินค้าให้แก่ผู้ส่งเพื่อทำการส่งมอบ หรือหากการส่งมอบสินค้าไม่เป็นประโยชน์แก่ผู้ซื้อแล้ว ผู้ซื้อมีสิทธิยกเลิกสัญญาซื้อขายและเรียกราคาสินค้าที่ได้ชำระไปแล้วคืนได้
(5) หากผู้ส่งได้รับสินค้าที่ซื้อขายจากผู้ขายเพื่อจัดส่งให้แก่ผู้ซื้อแล้วแต่ผู้ส่งไม่ดำเนินการจัดส่งโดยไม่ใช่ความผิดของผู้ซื้อ ผู้ขายและหรือผู้ซื้อมีสิทธิติดตามผู้ส่งให้ทำการส่งมอบสินค้าได้ หรือหากการส่งมอบสินค้านั้นไม่เป็นประโยชน์แก่ผู้ซื้อแล้ว ผู้ซื้อมีสิทธิยกเลิกสัญญาซื้อขายและเรียกเอาค่าเสียหายได้ โดยผู้ส่งจะเป็นผู้รับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้น
(6) ผู้ส่งไม่ต้องรับผิดในการส่งสินค้าล่าช้าหรือส่งสินค้าไม่ได้ อันเนื่องมาจากเหตุสุดวิสัยที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของผู้ส่ง

ข้อ 6. กรณีสินค้าที่จัดส่งเสียหาย ผิดประเภท ไม่ครบ หรือไม่ได้มาตรฐาน 
(1) กรณีสินค้าเกิดความเสียหายเนื่องจากการจัดส่งของผู้ส่ง ผู้ซื้อมีสิทธิไม่รับมอบสินค้าในส่วนที่เสียหายได้โดยให้คัดแยกตามลักษณะของบรรจุภัณฑ์ เช่น ลัง กล่อง ตะกร้า เป็นต้น ในกรณีนี้ผู้ส่งจะเป็นผู้รับผิดชอบคืนเงินเท่าราคาสินค้าในส่วนที่เสียหาย เว้นแต่จะได้มีการตกลงกันให้มีการส่งมอบสินค้าทดแทนส่วนที่เสียหาย
(2) กรณีสินค้าเน่าเสียจากต้นทางของผู้ขาย ผู้ซื้อมีสิทธิไม่รับมอบสินค้าในส่วนที่เน่าเสียได้โดยให้คัดแยกตามลักษณะของบรรจุภัณฑ์ เช่น ลัง กล่อง ตะกร้า เป็นต้น ในกรณีนี้ผู้ขายจะเป็นผู้รับผิดชอบคืนเงินเท่าราคาสินค้าในส่วนที่เน่าเสีย เว้นแต่จะได้มีการตกลงกันให้มีการส่งมอบสินค้าทดแทนส่วนที่เน่าเสีย
(3) กรณีเป็นที่ชัดแจ้งว่าสินค้าที่จัดส่งเป็นสินค้าผิดประเภท ผู้ส่งมีสิทธิยกเลิกการส่งสินค้าและผู้ซื้อมีสิทธิที่จะปฏิเสธการรับมอบสินค้าผิดประเภท ในกรณีนี้ผู้ขายจะต้องรับผิดชอบคืนเงินเท่ากับราคาสินค้าที่ผู้ซื้อชำระ เว้นแต่จะได้มีการตกลงกันให้มีการส่งมอบสินค้าให้ถูกต้องตามประเภทสินค้าที่ซื้อขาย
(4) กรณีสินค้าที่ส่งมอบไม่ครบจำนวนตามที่ซื้อขายโดยปริมาณหรือน้ำหนัก  ผู้ขายจะเป็นผู้รับผิดชอบคืนเงินเท่าราคาสินค้าในส่วนที่ไม่ครบ เว้นแต่จะได้มีการตกลงกันให้มีการส่งมอบสินค้าเพิ่มเติมให้ครบจำนวน ทั้งนี้ ไม่รวมถึงกรณีที่สินค้าขาดน้ำหนักอันเนื่องจากการคายน้ำหรือการเปลี่ยนแปลงสภาพตามธรรมชาติของสินค้าที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างการส่งมอบสินค้า
(5) กรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับคุณภาพหรือมาตรฐานของสินค้าที่ส่งมอบ ให้ถือเป็นเรื่องระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขาย ซึ่งผู้ซื้ออาจใช้สิทธิเรียกร้องให้ผู้ขายรับผิดชอบโดยตรงไม่ว่าจะเป็นการคืนสินค้า ขอเงินค่าสินค้าคืน หรือขอให้ส่งสินค้าใหม่ โดยไม่ให้ปัญหาดังกล่าวเป็นอุปสรรคต่อการส่งและรับมอบสินค้าหรือใช้เป็นเหตุในการปฏิเสธไม่รับมอบสินค้า ในกรณีที่การเรียกร้องเป็นผลทำให้มีการคืนและหรือส่งสินค้าใหม่ ผู้ขายอาจแจ้งให้ผู้ส่งทำการจัดส่งสินค้าใหม่และหรือรับคืนสินค้าเดิม โดยในกรณีนี้ผู้ส่งสงวนสิทธิ์ที่จะเรียกค่าใช้จ่ายในการดำเนินการจากผู้ขายเพิ่มเติม
(6) สินค้าที่ไม่มีการส่งมอบด้วยเหตุตามที่ระบุไว้ในเงื่อนไขนี้ จะถูกนำกลับไปพักไว้ที่ศูนย์ โดยผู้ส่งจะทำการส่งคืนสินค้าดังกล่าวแก่ผู้ขายหรือจัดการให้เป็นไปตามระเบียบและวิธีการที่ผู้ส่งกำหนด

ข้อ 7. การรับสินค้าที่ศูนย์กระจายสินค้า
(1) ผู้ซื้ออาจเลือกรับมอบสินค้าด้วยตนเอง ณ ศูนย์กระจายสินค้าที่อยู่ในตลาด โดยต้องทำการเลือกในระบบตามขั้นตอนการสั่งซื้อ
(2) กรณีที่ผู้ซื้อเลือกรับสินค้าที่ศูนย์ บริษัทจะทำหน้าที่เป็นผู้ส่งมอบสินค้าให้แก่ผู้ซื้อแทนผู้ขาย โดยผู้ซื้อจะต้องมารับให้ตรงรอบเวลาตามที่ได้เลือกหรือแจ้งไว้ในระบบโดยไม่สามารถเปลี่ยนแปลงช่วงเวลารับสินค้าในระบบได้ เว้นแต่ในระบบจะอนุญาตให้เปลี่ยนแปลงเวลาได้โดยต้องปฏิบัติภายใต้ขอบเขตและวิธีการที่กำหนดไว้ในระบบทั้งนี้ บริษัทขอสงวนสิทธิ์ที่จะใช้วิธีการโทรศัพท์นัดหมายเวลารับสินค้ากับผู้ซื้อตามหมายเลขโทรศัพท์ที่ได้แจ้งไว้ในขั้นตอนการสั่งซื้อตามระบบเพื่อความสะดวกในการให้บริการ และผู้ซื้อจะโทรศัพท์แจ้งขออนุญาตเปลี่ยนแปลงเวลารับสินค้าต่อบริษัทได้เฉพาะกรณีที่ไม่กระทบต่อการจัดการสินค้า และเวลารับสินค้าที่ขอเปลี่ยนแปลงต้องอยู่ภายในเวลาทำการของวันนัดรับสินค้าตามที่กำหนดไว้เดิม กรณีนอกเหนือจากนี้ ให้ขึ้นอยู่กับความยินยอมของผู้ขายและบริษัท
(3) กรณีที่ผู้ซื้อมิได้มารับสินค้าตามกำหนดเวลาที่นัดหมายหรือตามเวลาที่มีการเปลี่ยนแปลงตาม (2) ถือว่าผู้ซื้อเป็นฝ่ายผิดสัญญาซื้อขาย บริษัทเป็นอันสิ้นสุดหน้าที่ในการส่งมอบสินค้าและจะทำการคืนสินค้าให้แก่ผู้ขายและผู้ขายไม่จำต้องคืนเงินค่าสินค้า แต่หากผู้ขายและผู้ซื้อสามารถตกลงกันได้ก็ให้เป็นไปตามข้อตกลงระหว่างกัน
(4) กรณีผู้ซื้อมอบหมายให้บุคคลอื่นมารับสินค้า ให้ถือว่าบุคคลนั้นเป็นตัวแทนของผู้ซื้อ และสิ่งที่ตัวแทนดังกล่าวได้กระทำลงไปย่อมผูกพันผู้ซื้อโดยถือเสมือนหนึ่งว่าผู้ซื้อได้กระทำด้วยตนเองทุกประการ
(5) กรณีสินค้าเสียหาย เน่าเสีย ผิดประเภท ไม่ครบ หรือไม่ได้มาตรฐาน ให้บังคับตามเงื่อนไขข้อ 6. โดยอนุโลม ทั้งนี้ บริษัทอาจเป็นตัวกลางให้ผู้ซื้อกับผู้ขายได้พบกันเพื่อประโยชน์ในการจัดการแก้ไขปัญหาดังกล่าวในช่วงเวลาการรับมอบสินค้า

ข้อ 8. การรับสินค้า ณ แผงค้าของผู้ขาย
(1) ผู้ซื้ออาจเลือกรับมอบสินค้าด้วยตนเอง ณ แผงค้าของผู้ขายในตลาด โดยต้องทำการเลือกในระบบตามขั้นตอนการสั่งซื้อ
(2) ผู้ซื้อจะต้องมารับสินค้าให้ตรงรอบเวลาตามที่ได้เลือกหรือแจ้งไว้ในระบบ โดยไม่สามารถเปลี่ยนแปลงช่วงเวลารับสินค้าในระบบได้ เว้นแต่ในระบบจะอนุญาตให้เปลี่ยนแปลงเวลาได้โดยต้องปฏิบัติภายใต้ขอบเขตและวิธีการที่กำหนดไว้ในระบบ  ทั้งนี้ ผู้ขายอาจใช้วิธีการโทรศัพท์นัดหมายเวลารับสินค้ากับผู้ซื้อตามหมายเลขโทรศัพท์ที่ได้แจ้งไว้ในขั้นตอนการสั่งซื้อตามระบบเพื่อความสะดวกในการให้บริการ และผู้ซื้อจะโทรศัพท์แจ้งขออนุญาตเปลี่ยนแปลงเวลารับสินค้าต่อผู้ขายได้เฉพาะกรณีที่ไม่กระทบต่อการจัดการสินค้าของผู้ขาย และเวลารับสินค้าที่ขอเปลี่ยนแปลงต้องอยู่ภายในเวลาทำการของวันนัดรับสินค้าตามที่กำหนดไว้เดิม กรณีนอกเหนือจากนี้ ให้ขึ้นอยู่กับความยินยอมของผู้ขายหรือตามที่ผู้ขายและผู้ซื้อตกลงกัน
(3) ผู้ซื้อหรือผู้รับสินค้าแทนผู้ซื้อจะต้องตรวจสอบความถูกต้องของสินค้า เช่น ประเภทสินค้า สภาพความสมบูรณ์ จำนวนหรือน้ำหนัก คุณภาพ และมาตรฐานของสินค้า เป็นต้น ก่อนลงชื่อรับสินค้า เมื่อได้รับสินค้าไปแล้วผู้ขายจะไม่รับผิดชอบในความชำรุดบกพร่องหรือความเสียหายใด ๆ ของสินค้า และให้ถือว่าการส่งมอบสินค้าเสร็จสิ้นสมบูรณ์เมื่อผู้ซื้อหรือตัวแทนของผู้ซื้อได้ลงชื่อรับสินค้าแล้ว กรณีที่สินค้ามีความชำรุดบกพร่องแต่โดยสภาพแล้วไม่สามารถตรวจสอบได้ในเวลารับมอบสินค้า เช่น สินค้าเน่าเสียอยู่ภายในบรรจุภัณฑ์ที่ไม่อาจมองเห็นได้ เป็นต้น ให้ผู้ซื้อติดต่อกับผู้ขายเองโดยตรง โดยบริษัทสงวนสิทธิ์ที่จะไม่เป็นตัวกลางในกรณีดังกล่าวแต่อาจรับไว้เป็นข้อร้องเรียน
(4) ผู้ซื้อที่รับสินค้า ณ แผงค้า จะต้องยืนยันการรับมอบสินค้าตามขั้นตอนที่มีอยู่ในระบบก่อนจึงจะสามารถทำการขนย้ายสินค้าได้
(5)   หากผู้ซื้อไม่มารับสินค้าที่แผงค้าหลังจากผ่านเวลานัดหมาย หรือล่าช้าเกินกว่าระยะเวลาที่ขยายให้ ถือว่าผู้ซื้อเป็นฝ่ายผิดนัด ผู้ขายมีสิทธิที่จะดำเนินการตามข้อ 13(2)

ข้อ 9. การคืนเงินค่าสินค้า
(1) กรณีที่ผู้ซื้อมีสิทธิจะได้รับเงินค่าสินค้าคืนจากผู้ขายตามเงื่อนไขที่กำหนด ผู้ซื้อจะได้รับคืนเงินค่าสินค้าภายในระยะเวลาไม่เกิน 14 วัน นับจากวันที่ผู้ซื้อมีสิทธิได้รับเงินคืนและผู้ซื้อได้ใช้สิทธิเช่นว่านั้นแล้ว
(2) กรณีที่ผู้ซื้อมีสิทธิได้รับเงินชดใช้ความเสียหายของสินค้าที่เกิดขึ้นเนื่องการจัดส่งของผู้ส่งซึ่งเป็นเหตุที่ผู้ส่งจะต้องรับผิดตามเงื่อนไขในข้อ 6 (1) ผู้ซื้อจะได้รับเงินจากผู้ส่งภายในระยะเวลาไม่เกิน 14 วัน นับจากวันที่ผู้ซื้อมีสิทธิได้รับเงินและผู้ซื้อได้ใช้สิทธิเช่นว่านั้นแล้ว

หมวดที่ 2 เงื่อนไขผู้ขาย

ข้อ 10. การสมัครเป็นผู้ขาย
(1) เจ้าของแผงค้าใดประสงค์จะเป็นผู้ขายสินค้าบนแพลตฟอร์ม จะต้องแสดงความประสงค์ต่อบริษัทเพื่อการตรวจสอบ คัดเลือก และทำสัญญากับบริษัท ตามขั้นตอน วิธีการและมาตรฐานที่บริษัทกำหนด และจะต้องลงทะเบียนสมัครเป็นผู้ขายผ่านทางเว็บไซต์ตามระบบในแพลตฟอร์ม โดยเมื่อได้ดำเนินการอย่างถูกต้องครบถ้วนตามระบบและระบบได้ตอบรับให้เป็นสมาชิกแล้วจึงจะมีสถานะเป็นผู้ขายซึ่งมีสิทธิขายสินค้าบนแพลตฟอร์มได้ ทั้งนี้ ผู้ซื้อตกลงผูกพันและปฏิบัติตามเงื่อนไข รวมถึงสัญญาที่ทำกับบริษัทโดยถือเป็นส่วนหนึ่งของเงื่อนไขนี้
(2) ในการลงทะเบียนสมัครเป็นผู้ขาย เจ้าของแผงค้าผู้สมัครจะต้องให้ข้อมูลส่วนบุคคลตามความต้องการของระบบ เช่น รหัสบัตรประจำตัวประชาชน ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ E-mail ข้อมูลแผงค้า ข้อมูลบัญชีธนาคารที่ใช้รับโอนเงินค่าชำระสินค้า เป็นต้น ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ในด้านการค้า การสื่อสาร การโฆษณาประชาสัมพันธ์ และการบริหารจัดการแพลตฟอร์มตามนโยบายของบริษัท
(3) ผู้ขายสามารถขายได้เฉพาะสินค้าตามโซนสินค้าจำพวกเดียวกันตามที่ผู้ขายได้ทำสัญญาเช่าแผงค้ากับทางบริษัทเท่านั้น กรณีที่ผู้ขายมีแผงค้าในหลากหลายโซนสินค้า ผู้ขายต้องลงทะเบียนสมัครแยกบัญชีผู้ขายตามโซนสินค้า โดยไม่สามารถรวมสินค้าต่างโซนลงในบัญชีผู้ขายเดียวกันได้ ด้วยเหตุดังกล่าวข้างต้น เจ้าของแผงค้าจึงอาจลงทะเบียนสมัครเป็นผู้ขายสินค้าบนแพลตฟอร์ม ภายใต้สิทธิและข้อจำกัด ดังนี้
(ก) เจ้าของแผงค้า 1 แผง มีสิทธิสมัครเป็นผู้ขายได้ 1 บัญชี และมี 1 ร้านค้าบนแพลตฟอร์ม
(ข) กรณีเจ้าของแผงค้ามีแผงค้ามากกว่า 1 แผง ซึ่งอยู่ติดต่อกันและขายสินค้าในโซนสินค้าจำพวกเดียวกัน มีสิทธิรวมแผงค้าสมัครเป็นผู้ขายได้ 1 บัญชี และมี 1 ร้านค้าบนแพลตฟอร์ม
(ค) กรณีเจ้าของแผงค้ามีแผงค้ามากกว่า 1 แผง  ซึ่งไม่ได้อยู่ติดต่อกันหรือไม่ได้ขายสินค้าในโซนสินค้าจำพวกเดียวกัน มีสิทธิแยกแผงค้าสมัครเป็นผู้ขายได้หลายบัญชีแยกตามแผงค้าและโซนสินค้า และมีได้หลายร้านค้าบนแพลตฟอร์ม
(4) บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการตรวจสอบ คัดเลือก ตอบรับหรือปฏิเสธ หรือยกเลิกเพิกถอนสถานะผู้ขาย ทั้งก่อนเข้าและระหว่างอยู่ในระบบโดยไม่จำเป็นต้องแจ้งเหตุผล ทั้งนี้ หากบริษัททราบหรือตรวจพบว่า ผู้ขายแจ้งหรือสื่อสารข้อมูลที่เป็นเท็จในการลงทะเบียน หรือให้ข้อมูลสินค้า หรือทำการโฆษณาประชาสัมพันธ์อันเป็นเท็จหรืออันจะก่อให้เกิดอันตรายหรือความเสียหายใด ๆ ผ่านช่องทางบนแพลตฟอร์ม หรือกระทำการใดอันเป็นการไม่เหมาะสมหรือไม่ถูกต้องตามกฎหมาย หรืออันเป็นการขัดต่อข้อตกลงตามเงื่อนไขนี้หรือขัดต่อความสงบเรียบร้อยศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าผู้ขายเข้าใช้บริการแพลตฟอร์มโดยมีเจตนาทุจริต บริษัทมีสิทธิแจ้งให้ผู้ขายปรับปรุงแก้ไข ระงับการให้บริการ หรือพักการใช้งาน หรือป้องกันการเข้าถึงแพลตฟอร์ม ไปจนถึงการยกเลิกเพิกถอนการเป็นผู้ขายบนแพลตฟอร์มหรือเลิกสัญญาได้ทันทีโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

ข้อ 11. สินค้า ราคา และการสั่งซื้อ
(1) ผู้ขายทำหน้าที่เป็นผู้สร้างข้อมูลสินค้าผ่านระบบการสร้างรายการสินค้าบนแพลตฟอร์ม เพื่อการกำหนดรายละเอียดของสินค้าและราคาหน้าร้านของสินค้าที่มีจำหน่ายอยู่ในร้านค้า ซึ่งเป็นการอำนวยความสะดวกแก่การซื้อขายและเป็นการเชิญชวนหรือสร้างความสนใจให้แก่ผู้ซื้อในการเลือกและตัดสินใจซื้อสินค้า โดยอย่างน้อยต้องประกาศแสดงข้อมูลสินค้าให้เห็นในระบบที่หน้าร้านค้า
(2) ข้อมูลราคาหน้าร้านของสินค้าที่ประกาศตาม (1) ต้องเป็นราคาที่เป็นธรรมมีเหตุผลตามสภาวะทางการค้าของตลาด และอยู่ภายใต้ข้อบังคับการเสียภาษี เว้นแต่จะได้รับการยกเว้นโดยกฎหมาย การแก้ไขราคาหน้าร้านในเวลาใด ๆ นั้น ต้องเป็นไปตามการผันผวนของราคาสินค้า ซึ่งบริษัทอนุญาตให้ผู้ขายสามารถทำผ่านทางระบบบนแพลตฟอร์มได้โดยไม่ต้องให้เหตุผลหรือคำบอกกล่าวล่วงหน้าใด ๆ
(3) ผู้ขายตกลงจัดลำดับชั้น ขนาด และคุณภาพของสินค้าให้ถูกต้องตรงตามหลักเกณฑ์และมาตรฐานสินค้าตามที่บริษัทกำหนด เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ซื้อและผู้ขาย โดยผู้ขายต้องเป็นผู้รับผิดชอบต่อความถูกต้องของข้อมูลดังกล่าวตามที่ผู้ขายได้ประกาศบนแพลตฟอร์ม และจะต้องมีการตรวจสอบความถูกต้อง ณ เวลาที่มีการส่งมอบสินค้า
(4) ผู้ขายสามารถปรับเปลี่ยนข้อมูลสินค้าได้ทุกเมื่อตามความเหมาะสมของสินค้า และภายใต้ข้อกำหนดเงื่อนไขนี้ อย่างไรก็ตาม ข้อมูลนี้จะไม่ส่งผลต่อผู้ซื้อที่ได้เลือกสินค้าไว้ในตะกร้าเรียบร้อยแล้ว
(5) การที่บริษัทยินยอมให้ผู้ขายประกาศข้อมูลสินค้าของร้านค้าก็เพื่อประโยชน์และอำนวยความสะดวกแก่การซื้อขายระหว่างผู้ขายกับผู้ซื้อ ซึ่งผู้ขายต้องรับผิดชอบในข้อมูลสินค้าด้วยตัวเองโดยไม่อยู่ในความรับผิดชอบของบริษัท  ดังนั้น ขายจึงต้องมีการตรวจสอบข้อมูลสินค้าให้มีความถูกต้องแม่นยำ เป็นปัจจุบัน น่าเชื่อถือ และปราศจากข้อผิดพลาดอยู่ตลอดเวลา
(6)  การต่อราคาสินค้าให้เป็นสิทธิของผู้ขายที่จะกำหนดว่าสินค้ารายการใดสามารถต่อราคาได้ โดยผู้ขายมีสิทธิที่จะยอมรับ ปฏิเสธ หรือแก้ไขราคาที่เสนอโดยผู้ซื้อ และเมื่อผู้ซื้อตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าตามราคาที่ตกลงกันได้โดยนำไปใส่ในตะกร้าแล้ว จะหมายความถึงผู้ขายยอมรับราคาสินค้าที่ได้เจรจาตกลงโดยไม่สามารถเปลี่ยนแปลงราคาสินค้านี้ได้อีกต่อไป และถือว่าการเจรจาต่อรองเป็นอันเสร็จสิ้น
                    (7)  เมื่อผู้ซื้อทำการชำระราคาสินค้าตามที่เลือกซื้อและไส่ไว้ในตะกร้าแล้ว จะเกิดเป็นเลขที่รายการสั่งซื้อ ซึ่งระบบจะสั่งการไปยังผู้ขายให้ทำการขายและส่งมอบสินค้าสินค้าแก่ผู้ซื้อ โดยถือว่าได้เกิดสัญญาซื้อขายระหว่างกันแล้วและอยู่ภายใต้เงื่อนไขการส่งมอบสินค้า และจะต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบด้านการค้าของบริษัทเสมือนหนึ่งเป็นการซื้อขายกันที่ตลาดโดยตรง ทั้งนี้ เลขที่รายการสั่งซื้อที่ปรากฏในระบบบนแพลตฟอร์มจะทำหน้าที่เป็นหลักฐานการทำสัญญาซื้อขาย และผู้ขายจะต้องยอมรับและดำเนินการให้เป็นไปตามสิทธิของผู้ซื้อตามที่กำหนดไว้ในเงื่อนไขของผู้ซื้อทุกประการ

ข้อ 12. การเตรียมสินค้าและการส่งสินค้าไปยังศูนย์กระจายสินค้าเพื่อการส่งมอบ
(1) เมื่อผู้ซื้อชำระราคาสินค้าโดยเลือกรูปแบบการจัดส่ง ณ สถานที่ของผู้ขาย หรือ ณ ศูนย์กระจายสินค้าแล้ว ผู้ขายจะได้รับเลขที่รายการสั่งซื้อ ผู้ขายจะต้องทำการจัดเตรียมสินค้าให้ตรงตามรายละเอียดของสินค้าที่มีการสั่งซื้อ เสร็จแล้วให้ส่งสินค้าไปยังศูนย์เพื่อให้ผู้ส่งนำไปส่งมอบให้แก่ผู้ซื้อ ณ สถานที่ของผู้ซื้อตามเงื่อนไขข้อ 5. หรือให้ผู้ซื้อมารับมอบสินค้าที่ศูนย์ตามเงื่อนไขข้อ 7. แล้วแต่กรณี โดยผู้ขายมีหน้าที่รับผิดชอบในการส่งสินค้าไปยังศูนย์ให้ถูกต้องตามเงื่อนไขและตรงตามเวลาที่บริษัทกำหนดซึ่งสามารถตรวจสอบได้บนแพลตฟอร์ม และจะต้องดำเนินการและกำหนดสถานะสินค้าให้เป็นไปตามขั้นตอนในระบบ  ทั้งนี้ บริษัท มีสิทธิในการแจ้งเตือนและกำหนดโทษผู้ขายที่ไม่สามารถส่งมอบสินค้าไปยังศูนย์ไม่ตรงตามเวลาหรือผิดเงื่อนไขในการส่งมอบสินค้า
(2) สินค้าที่ส่งไปที่ศูนย์ทั้งหมด จะต้องผ่านการตรวจสอบตามมาตรฐานของบริษัทภายใต้ข้อกำหนดดังนี้
(ก)  กรณีสินค้าใดไม่ผ่านมาตรฐาน  สินค้านั้นจะถูกพักไว้ในพื้นที่รอการส่งกลับ  และผู้ขายจะต้องรับผิดชอบนำกลับและเปลี่ยนสินค้าใหม่ที่เป็นตามมาตรฐานมาทดแทนให้ทันตามรอบเวลาที่บริษัทกำหนด
(ข) กรณีสินค้าผ่านมาตรฐานแล้ว จะถูกนำไปเตรียมในพื้นที่พร้อมส่ง ซึ่งผู้ส่งจะดำเนินการจัดส่งให้แก่ผู้ซื้อ ณ สถานที่ของผู้ซื้อ หรือรอให้ผู้ซื้อมารับมอบที่ศูนย์ต่อไป แล้วแต่กรณี
(ค) กรณีสินค้าไม่ผ่านการตรวจสอบตามมาตรฐาน   เป็นเหตุให้ผู้ส่งไม่สามารถส่งมอบให้แก่ผู้ซื้อได้หรือทำให้ผู้ซื้อไม่ยอมรับมอบสินค้า ถือเป็นกรณีที่ผู้ขายผิดสัญญากับผู้ซื้อและต้องรับผิดต่อผู้ซื้อ โดยบริษัทไม่มีความรับผิดใด ๆ
(3) กรณีที่ผู้ส่งสินค้าไม่สามารถทำการส่งมอบสินค้าได้สำเร็จ สินค้าจะถูกส่งคืนให้ผู้ขายทุกกรณี ทั้งนี้ สิทธิและหน้าที่ระหว่างกันในกรณีส่งมอบสินค้าไม่สำเร็จให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้ในเงื่อนไขนี้

ข้อ 13. การเตรียมสินค้าและการส่งมอบสินค้า ณ แผงค้า
(1) กรณีผู้ซื้อเลือกรูปแบบการรับมอบสินค้า ณ แผงค้าของผู้ขาย เมื่อผู้ขายได้รับเลขที่รายการสั่งซื้อแล้ว ผู้ขายจะต้องทำการจัดเตรียมสินค้าให้ตรงตามรายละเอียดของสินค้าที่มีการสั่งซื้อเพื่อรอให้ผู้ซื้อมารับ ณ แผงค้าของผู้ขายตามเงื่อนไขข้อ 8. โดยผู้ขายมีหน้าที่รับผิดชอบในการส่งมอบสินค้าให้ถูกต้องตามเงื่อนไขและตรงตามเวลาที่บริษัทกำหนดซึ่งสามารถตรวจสอบได้บนแพลตฟอร์ม และจะต้องดำเนินการและกำหนดสถานะการส่งมอบสินค้าให้เป็นไปตามขั้นตอนในระบบและผู้ขายต้องแจ้งแก่ผู้ซื้อให้ยืนยันการรับมอบสินค้าผ่านระบบด้วย ทั้งนี้ บริษัท มีสิทธิในการแจ้งเตือนและกำหนดโทษผู้ขายที่ไม่สามารถส่งมอบสินค้าได้ตรงตามเวลาหรือผิดเงื่อนไขในการส่งมอบสินค้า
(2) กรณีที่ไม่สามารถส่งมอบสินค้าให้แก่ผู้ซื้อได้สำเร็จอันเนื่องมาจากผู้ซื้อไม่มารับสินค้าที่แผงค้าหลังจากผ่านเวลานัดหมายและล่าช้าเกินกว่าระยะเวลาที่ขยายให้ตามที่บริษัทกำหนด ถือว่าผู้ซื้อเป็นฝ่ายผิดนัด และให้เป็นสิทธิของผู้ขายที่จะดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้
(ก) นำสินค้าออกขายให้แก่ผู้ซื้อรายอื่นหรือบุคคลภายนอก ในกรณีผู้ซื้อมีสิทธิได้รับคืนเงินค่าสินค้าในอัตราร้อยละ 75 ของราคาสินค้าที่ผู้ซื้อชำระ
(ข) เก็บสินค้าไว้รอให้ผู้ซื้อมารับในระยะเวลาที่อาจรอได้ ในกรณีนี้ ผู้ขายไม่ต้องรับผิดชอบในการเสื่อมสภาพของสินค้า และหากผู้ซื้อยังไม่มารับให้ถือแป็นเศษซากที่ผู้ขายสามารถจำหน่ายทิ้งได้ โดยผู้ซื้อไม่มีสทธิได้รับเงินค่าสินค้าคืน
(ค) ดำเนินการตามข้อตกลงระหว่างผู้ขายกับผู้ซื้อ ในกรณีที่สามารถตกลงกันได้
            (3)  ผู้ขายไม่ต้องรับผิดขอบในความเสียหายใด ๆ ของผู้ซื้อ อันเนื่องจากผู้ซื้อไม่มารับสินค้าหรือมารับล่าช้า

          ข้อ 14. การโอนค่าสินค้าให้แก่ผู้ขาย
(1) เงินค่าสินค้าที่ผู้ซื้อชำระให้แก่ผู้ขายผ่านบัญชีของบริษัทไม่เป็นรายได้ของบริษัท โดยบริษัททำหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่างผู้ขายกับผู้ซื้อ ทั้งในฐานะเป็นตัวแทนของผู้ขายในการรับชำระเงินและเป็นตัวแทนของผู้ซื้อในการโอนเงินค่าสินค้าให้แก่ผู้ขาย
(2) บริษัทจะโอนเงินค่าสินค้าให้แก่ผู้ขายเป็นรอบรายวัน โดยตัดยอดการชำระราคาสินค้าถึง ณ เวลา 24.00 น. ของทุกวัน และโอนเงินค่าสินค้าให้แก่ผู้ขายในวันถัดไปภายในเวลา 09.00 น. โดยบริษัทเป็นผู้ทำหน้าที่ส่งข้อมูลให้ธนาคารเพื่อทำการโอนเงินให้แก่ผู้ขายผ่านระบบออนไลน์ภายใต้ข้อตกลงระหว่างผู้ขาย บริษัท และธนาคาร ทั้งนี้ บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนเวลาในรอบรายวันตามความเหมาะสม
(3) ในระหว่างระยะเวลาที่รอการโอนเงินค่าสินค้าให้แก่ผู้ขาย หากปรากฏข้อเท็จจริงว่า ผู้ขายไม่จัดเตรียมสินค้าเพื่อการส่งมอบ หรือละทิ้งการดำเนินการตามหน้าที่ของผู้ขาย หรือกระทำการอื่นใดอันเป็นปฏิปักษ์ต่อการซื้อขายและหรือการส่งมอบสินค้า บริษัทมีสิทธิระงับการโอนเงินค่าสินค้าให้แก่ผู้ขาย โดยถือเป็นกรณีที่ผู้ขายไม่พร้อมขายสินค้า ในการนี้ บริษัทจะแจ้งให้ผู้ซื้อทราบและจะทำการคืนเงินค่าสินค้าให้แก่ผู้ซื้อโดยถือว่าเป็นการกระทำแทนผู้ขาย และให้ถือว่าสัญญาซื้อขายเป็นอันยกเลิก
(4) นอกจากจะที่กำหนดในเงื่อนไขนี้แล้ว สิทธิและหน้าที่เกี่ยวกับการรับชำระและโอนเงินค่าสินค้าระหว่างบริษัทกับผู้ขาย ให้เป็นไปตามสัญญาหรือข้อตกลงที่มีการทำขึ้นระหว่างบริษัทกับผู้ขาย
หมวดที่ 3 เงื่อนไขเกี่ยวกับการใช้แพลตฟอร์มของผู้ใช้บริการ

ข้อ 15.  ข้อผูกพัน ข้อปฏิบัติ และข้อห้ามในการใช้งานแพลตฟอร์ม
(1) ผู้ใช้บริการตกลงผูกพันและปฏิบัติตามเงื่อนไข ข้อบังคับ ข้อกำหนด กฎระเบียบการค้า ระเบียบการดำเนินงาน แนวทางปฏิบัติ นโยบาย รวมถึงคำบอกกล่าวและคำแนะนำของบริษัทเกี่ยวกับการใช้งานแพลตฟอร์มตามที่มีอยู่ในระบบบนแพลตฟอร์ม
(2) บริษัทสงวนสิทธิ์ในการปรับปรุง แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมสิ่งที่มีอยู่ในระบบตาม (1)  โดยหากบริษัทได้ดำเนินการดังกล่าวและแจ้งให้ปรากฏหรือทำให้สามารถเข้าถึงได้ในระบบบนแพลตฟอร์มแล้ว ให้ถือว่าผู้ใช้บริการได้รับทราบและผูกพันตามที่ได้มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงนั้น
(3) ในการจัดการด้านความพร้อมของแพลตฟอร์ม บริษัทอาจจะทำการปรับปรุงแก้ไข ระงับ หรือหยุดการให้บริการหรือถอดออกไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนของบริการบนแพลตฟอร์มในช่วงเวลาใด ๆ ตามความจำเป็นก็ได้ โดยไม่จำต้องให้เหตุผลหรือคำบอกกล่าวล่วงหน้า และไม่ต้องรับผิดชอบใด ๆ หากการปรับปรุง แก้ไข ระงับ หรือถอดออกดังกล่าวจะทำให้ผู้ใช้บริการไม่สามารถเข้าใช้แพลตฟอร์มหรือส่วนหนึ่งส่วนใดของบริการในแพลตฟอร์มในเวลาดังกล่าวได้
(4) ในการเข้าถึงบัญชีของผู้ใช้บริการเพื่อการใช้แพลตฟอร์ม ผู้ใช้บริการจำเป็นต้องรักษาความลับในชื่อบัญชีและรหัสผ่าน อันเนื่องมาจากบริษัทไม่สามารถรับประกันความปลอดภัยในข้อมูลใด ๆ ที่รับหรือส่งในระบบบนแพลตฟอร์ม  และผู้ใช้บริการยอมรับความเสี่ยงว่าข้อมูลใด ๆ ที่รับหรือส่งผ่านในระบบบนแพลตฟอร์มอาจจะถูกเข้าถึงโดยบุคคลภายนอกที่ไม่ได้รับอนุญาตหรือที่อ้างว่าเป็นผู้ใช้บริการหรืออ้างว่ากระทำการโดยได้รับมอบอำนาจจากผู้ใช้บริการ และบรรดาการกระทำใด ๆ ที่ได้กระทำบนแพลตฟอร์มโดยอาศัยชื่อบัญชีและรหัสผ่านของผู้ใช้บริการ ให้ถือว่าเป็นการกระทำโดยผู้ใช้บริการเอง
(5) บริษัทไม่รับประกันว่าจะไม่มีอุปสรรคหรือข้อผิดพลาดใด ๆ ในทางเทคนิค อันอาจเกิดขึ้นกับการส่งข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตและหรือไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งอาจจะถูกขัดขวาง ขาดการติดต่อ หรือติดต่อล่าช้า จากความแออัดในการส่งข้อมูล หรือจากการส่งข้อมูลไม่ถูกต้องเนื่องจากลักษณะของอินเทอร์เน็ตที่อาจเป็นรูปแบบสาธารณะ (FREE WIFI)
(6) ผู้ใช้บริการเป็นผู้รับความเสี่ยงอันเกิดจากการเข้าใจผิด รวมทั้งในกรณีที่อาจมีความผิดพลาด ความเสียหาย ค่าใช้จ่าย หรือการสูญเสียใด ๆ อันสืบเนื่องมาจากการใช้แพลตฟอร์มที่ไม่ได้เป็นไปตามที่มีการระบุในข้อตกลงและเงื่อนไขนี้ ตลอดจนข้อบังคับ ข้อกำหนด และระเบียบการค้าของบริษัท รวมถึงขั้นตอนและวิธีต่าง ๆ ที่ปรากฏในระบบบนแพลตฟอร์ม ซึ่งถือเป็นความเสี่ยงภัยของผู้ใช้บริการเองทั้งสิ้น โดยบริษัทไม่ต้องรับผิดในกรณีดังกล่าว
(7) บริษัทสงวนสิทธิ์ในการจัดโปรโมชั่นส่งเสริมการขายหรือการใช้บริการแพลตฟอร์ม และอาจมีการยกเลิก แก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ ผู้ขายตกลงให้ความร่วมมือกับบริษัทเพื่อให้การดำเนินการดังกล่าวบรรลุตามวัตถุประสงค์
(8) ผู้ใช้บริการตกลงและให้คำมั่นที่จะไม่กระทำการดังต่อไปนี้
(ก) ปลอมเป็นบุคคลหรือหน่วยงานใด ๆ หรือระบุถ้อยคำอันเป็นเท็จหรือแสดงตนโดยหลอกลวงด้วยประการอื่นใดในความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับบุคคลหรือหน่วยงานใด ๆ
(ข) ใช้แพลตฟอร์มและหรือบริการบนแพลตฟอร์มเพื่อวัตถุประสงค์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน
(ค)  พยายามเข้าใช้หรือเข้าถึงแพลตฟอร์ม ระบบ และข้อมูลในแพลตฟอร์ม โดยไม่ได้รับอนุญาต หรือโดยผิดวิธีหรือผิดกฎหมาย อันเป็นการรบกวน หรือทำให้โปรแกรมและหรืออุปกรณ์คอมพิวเตอร์ หรือเครือข่ายคอมพิวเตอร์ รวมถึงเครือข่ายใด ๆ ที่เชื่อมต่อกับแพลตฟอร์ม เกิดการขัดข้อง เสียหาย หรือใช้การไม่ได้ด้วยประการใดๆ หรือโดยเป็นการละเมิดสิทธิของผู้อื่น
(ง) โพสต์หรือนำเข้า หรือส่งเสริมสนับสนุนให้มีการโพสต์หรือนำเข้า ซึ่งข้อมูลหรือเอกสารต้องห้ามใด ๆ เพื่อให้ปรากฏหรือมีอยู่ในแพลตฟอร์ม
(จ)  กระทำการใดอันเป็นการรบกวนการใช้งานหรือการใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มของผู้อื่น หรือที่จะก่อให้เกิดความเสียหายหรือรบกวนการทำงานของแพลตฟอร์มหรือคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์มือถือของบริษัทหรือผู้ใช้บริการรายอื่น
(ฉ) ใช้หรืออัพโหลดหรือนำเข้าในทางใดทางหนึ่ง ซึ่งซอฟต์แวร์หรือข้อมูลหรือเอกสารใด ๆ ที่มีหรือมีเหตุให้สงสัยได้ว่ามีไวรัส หรือส่วนประกอบที่ทำให้เกิดความเสียหาย
(ช) แก้หรือใส่รหัสที่ทำให้เกิดอันตราย หรือส่วนประกอบที่เป็นอันตรายซึ่งอาจจะทำให้เกิดเสียหายหรือผิดพลาดในการใช้งานแพลตฟอร์มหรือโปรแกรมหรือข้อมูลของแพลตฟอร์ม
(ซ) ใช้แพลตฟอร์มในลักษณะที่ไม่สอดคล้องหรือโดยขัดกับนโยบายการใช้งานที่เป็นที่ยอมรับของเครือข่ายที่เชื่อมต่อหรือมาตรฐานอินเตอร์เน็ทหรือกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

ข้อ 16. นโยบายการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลและสิทธิในการติดตามตรวจสอบเนื้อหา
(1) บริษัทยินยอมให้เข้าถึงและใช้แพลตฟอร์มตามข้อมูลหรือข้อสนเทศเท่าที่เป็นหรือมีอยู่ตามสิทธิของแต่ละบุคคลบนแพลตฟอร์มเท่านั้น โดยบริษัทจะไม่กระทำการใดอันเป็นการละเมิดสิทธิหรือกรรมสิทธิ์ของข้อมูลส่วนบุคคลที่อยู่ในฐานข้อมูลของแพลตฟอร์ม ซึ่งอยู่นอกเหนือขอบเขตการอนุญาตหรือเงื่อนไขของแพลตฟอร์ม
(2) บริษัทขอสงวนสิทธิ์โดยดุลพินิจแต่ฝ่ายเดียวในการดำเนินการติดตามตรวจสอบ คัดกรอง หรือควบคุมกิจกรรม เนื้อหา ข้อมูล เอกสารใด ๆ ที่ปรากฏบนแพลตฟอร์ม รวมถึงการดำเนินการสอบสวนหาข้อเท็จจริงตามข้อบังคับ ข้อกำหนด และระเบียบการค้าของบริษัท ตลอดจนการตรวจสอบและสอบสวนการกระทำใดๆ อันอาจขัดต่อเงื่อนไขฉบับนี้ หรือขัดต่อกฎหมาย ความสงบเรียบร้อย และศีลธรรมอันดีงาม และบริษัทมีอำนาจในการระงับยับยั้งการกระทำดังกล่าวได้ทันที รวมถึงการป้องกันหรือจำกัดการเข้าใช้หรือเข้าถึงแพลตฟอร์ม
(3) เมื่อตรวจพบรายการหรือกิจกรรมใดที่เข้าข่ายฝ่าฝืนกฎหมาย ประกาศ ข้อบังคับ ข้อกำหนด ระเบียบ  กฎเกณฑ์ คำสั่งใด ๆ หรือมีลักษณะเป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน บริษัทมีสิทธิรายงานให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบ และให้ความร่วมมือกับหน่วยงานดังกล่าวในการดำเนินการใด ๆ ตามอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานนั้น ๆ
(4) หากบริษัทมีเหตุให้เชื่อได้ว่าผู้ใช้บริการให้ข้อสนเทศหรือข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ทำให้เกิดความเข้าใจผิด หรือโดยฉ้อฉล บริษัทมีสิทธิที่จะกระทำตรวจสอบไม่ว่าด้วยวิธีการใด ๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อสนเทศหรือข้อมูลดังกล่าว โดยบริษัทไม่ต้องรับผิดทั้งในทางแพ่งและอาญา ทั้งนี้ เมื่อพบหรือยืนยันได้ว่ามีการกระทำผิด บริษัทมีสิทธิหยุดการใช้งาน ยกเลิก ลบ ห้าม ระงับและจำกัดการเข้าถึงแพลตฟอร์มของผู้ใช้บริการ ไม่ว่าชั่วคราวหรือถาวรโดยไม่ต้องให้เหตุผลหรือบอกกล่าวล่วงหน้า

นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
            บริษัท ดอนเมืองพัฒนา จำกัด (“บริษัท”) เจ้าของและผู้บริหารตลาดสี่มุมเมือง (“ตลาด”) ซึ่งเป็นศูนย์กลางค้าส่งผักผลไม้ชั้นนำที่มีการบริหารจัดการที่ทันสมัย มุ่งมั่นในการบริการที่เป็นเลิศ ด้วยสินค้าที่ครบถ้วนปลอดภัย มีมาตรฐาน ด้วยกฎระเบียบการค้าที่ชัดเจน มีรูปแบบการซื้อขายที่รวดเร็วในราคาที่ยุติธรรม มีระบบข้อมูลข่าวสาร และมีการซื้อขายผ่านระบบออนไลน์ (“ผลิตภัณฑ์และบริการ”) ซึ่งในการดำเนินการดังกล่าว อาจมีการเก็บ บันทึก ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการและผู้เข้าเยี่ยมชม (“ผู้ใช้บริการ” หรือ “ท่าน”)
       บริษัทมีความรับผิดชอบในการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลที่อยู่ภายใต้ความดูแลของบริษัท และมุ่งมั่นที่จะจัดการข้อมูลด้วยวิธีการที่มั่นคงปลอดภัย และน่าเชื่อถือ โดยบริษัทได้คำนึงถึงความสำคัญของความเป็นส่วนตัวของท่านจึงได้จัดทำนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ (“นโยบาย”) ซึ่งนโยบายได้ระบุรายละเอียดในการประมวลผล การเก็บรวบรวม ใช้ จัดการ แบ่งปัน และคุ้มครองข้อมูลธุรกิจ และข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของข้อกำหนด และเงื่อนไขการให้บริการ รวมถึงได้ระบุแนวปฏิบัติของบริษัทในการจัดการข้อมูลที่บริษัทได้รับ ทั้งจากผู้ใช้บริการโดยทางตรงและทางอ้อม รวมถึงจากเว็บไซต์ https://www.simummuangmarket.com,
www.simummuangonline.com และ https://www.4mmseed.net ซึ่งอาจระบุลิงก์ต่อไปยังเว็บไซต์อื่น ที่อาจใช้นโยบายการจัดการข้อมูลที่แตกต่างไป เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่า ท่านเข้าใจแนวปฏิบัติของเว็บไซต์ดังกล่าว และข้อแตกต่างอื่นที่เกี่ยวข้อง บริษัทจึงสนับสนุนให้ท่านอ่านนโยบายฉบับนี้ และนโยบายของเว็บไซต์อื่นอย่างละเอียด โดยในการใช้บริการแต่ละครั้งถือว่าท่านได้อ่าน ตกลงยอมรับ และได้รับทราบเงื่อนไข รายละเอียดนโยบาย ดังต่อไปนี้

1.    การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
1.1 บริษัทจะทำการเก็บ รวบรวม บันทึก ใช้ หรือเผยแพร่ ข้อมูลที่สามารถระบุตัวตนของท่าน หรืออาจจะระบุตัวตนของท่านได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม (“ข้อมูลส่วนบุคคล”) ดังต่อไปนี้
1.1.1 ข้อมูลและหรือประวัติส่วนตัวของท่าน เช่น ชื่อ นามสกุล ที่อยู่ อีเมล อาชีพ ตำแหน่ง สถานที่ทำงาน หมายเลขโทรศัพท์มือถือ วันเดือนปีเกิด หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน หรือเลขที่หนังสือเดินทาง หรือข้อมูลการติดต่ออื่น ๆ เมื่อท่านลงทะเบียนในเว็บไซต์ และ/หรือแอพพลิเคชัน หรือเมื่อท่านเข้าร่วมกิจกรรม งานแสดงสินค้า งานนิทรรศการ และการประชุม สัมมนา การสำรวจข้อมูล การจัดทำแบบสอบถาม ติดต่อ หรือใช้งานผลิตภัณฑ์และบริการอื่นๆ กับบริษัท หรือคู่ค้าของบริษัท
1.1.2 ข้อมูลบัญชีผู้ใช้บริการ เช่น ชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน ที่ใช้เพื่อเข้าถึงเว็บไซต์ และ/หรือแอพพลิเคชั่น หรือที่บริษัทได้รับจากการเผยแพร่ข่าวสารผ่านสื่อประชาสัมพันธ์ การจัดทำกิจกรรมส่งเสริมการขาย การให้สิทธิพิเศษต่าง ๆ ซึ่งอาจเป็นปัจจัยที่ท่านใช้ในการตัดสินใจให้ข้อมูลแก่บริษัท หรือคู่ค้าของบริษัท
1.1.3 ข้อมูลเครดิตทางการค้าและทางธุรกิจโดยละเอียด รวมถึงประวัติและรูปแบบวิธีการชำระเงิน และข้อมูลการทำธุรกรรมรวมถึง ราคา วิธีการชำระเงิน และรายละเอียดการชำระเงินอื่น ๆ เมื่อท่านเข้าใช้หรือเข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัท
1.1.4 ข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านให้บริษัทเมื่อท่านโต้ตอบกับบริษัท รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงการเข้าร่วมกิจกรรม การแข่งขัน การชิงโชค การลงทะเบียนต่าง ๆ การเข้าร่วมรายการส่งเสริมการขาย การทำแบบสำรวจ การประเมินความพึงพอใจ การทำแบบสอบถาม การส่งข้อเสนอแนะความคิดเห็นในเว็บไซต์ และ/หรือแอพพลิเคชัน
1.1.5 ข้อมูลการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ทางธุรกิจจากแหล่งข้อมูลสาธารณะ ข้อมูลรัฐบาล และหน่วยงานทางวิชาชีพ สื่อ และเอกสารเผยแพร่ทางธุรกิจ
1.1.6 ที่อยู่ไอพี (IP Address) พิกัดทางภูมิศาสตร์ (Geolocation) และการแสดงความเห็น การซักถาม การโต้ตอบในสื่อสังคมออนไลน์
1.1.7 ข้อมูลส่วนตัวเพื่อประมวลผลการชำระเงินของท่าน
1.1.8 ข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องทางธุรกิจ เช่น อีเมล หรือ ช่องทางการติดต่อส่วนตัวที่มิได้ใช้ติดต่อทางธุรกิจ ผ่านตัวแทน พนักงาน ผู้ถือหุ้น กรรมการ และกรรมการผู้มีอำนาจของบริษัท
1.2 การจัดเก็บ รวบรวม บันทึก ใช้ หรือเผยแพร่ ข้อมูลส่วนบุคคล จะกระทำโดยมีวัตถุประสงค์ ขอบเขต และใช้วิธีการที่ชอบด้วยกฎหมายและเป็นธรรม ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจะดำเนินการอย่างจำกัดเพียงเท่าที่จำเป็นแก่การให้บริการภายใต้วัตถุประสงค์ที่บริษัทกำหนดเท่านั้น ทั้งนี้ ก่อนการดำเนินการดังกล่าวบริษัทจะให้เจ้าของข้อมูล รับรู้ ให้ความยินยอม ทางอิเล็กทรอนิกส์ ข้อความสั้น หรือตามแบบวิธีการของบริษัท
1.3 บริษัทอาจจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ซึ่งเกี่ยวกับความสนใจ และบริการที่ท่านใช้ โดยในการดำเนินการดังกล่าวข้างต้น บริษัทจะขอความยินยอมจากท่านก่อนทำการเก็บรวบรวม เว้นแต่
1.3.1 เป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย เช่น พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ประมวลกฎหมายแพ่งและอาญา ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งและอาญา เป็นต้น
1.3.2 เป็นไปเพื่อประโยชน์แก่การสอบสวนของพนักงานสอบสวน หรือการพิจารณาพิพากษาคดีของศาล
1.3.3 เป็นไปเพื่อประโยชน์ของท่าน และการขอความยินยอมไม่อาจกระทำได้ในเวลานั้น
1.3.4 เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท หรือนิติบุคคลอื่นที่ไม่ใช่บริษัท
1.3.5 เป็นการจำเป็นเพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล
1.3.6 เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นคู่สัญญาหรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเข้าทำสัญญานั้น
1.3.7 เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวกับการจัดทำเอกสารประวัติศาสตร์หรือจดหมายเหตุ เพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือเพื่อการศึกษา วิจัย การจัดทำสถิติ ซึ่งได้จัดให้มีมาตรการป้องกันที่เหมาะสม

2.  ข้อมูลระบุตัวบุคคลที่มีความอ่อนไหว
2.1 บริษัทอาจเก็บรวบรวมข้อมูลระบุตัวบุคคลที่มีความอ่อนไหว อาทิ เชื้อชาติ สัญชาติ เพศ ศาสนา ปรัชญา ข้อมูลสุขภาพ ข้อมูลชีวภาพ ทุพพลภาพ ความพิการ อัตลักษณ์ เป็นต้น เพื่อการให้บริการบางรูปแบบ เมื่อท่านสมัครใจให้ข้อมูล โดยบริษัทจะใช้ข้อมูลนี้เพื่อวัตถุประสงค์ที่จำกัดและตามที่ได้รับอนุญาตให้เก็บรวบรวมข้อมูลเท่านั้น และบริษัทจะดำเนินขั้นตอนตามสมควรในทางการค้า เพื่อรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลดังกล่าวอย่างเพียงพอ
2.2 บริษัทจะไม่จัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านซึ่งเกี่ยวกับลักษณะทางพันธุกรรม พฤติกรรมทางเพศ หรือข้อมูลที่อาจเป็นผลร้าย ทำให้เสียชื่อเสียง หรืออาจก่อให้เกิดความรู้สึกเกี่ยวกับการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมหรือความไม่เท่าเทียมกันแก่บุคคลใด เว้นแต่ (1) ได้รับความยินยอมเป็นหนังสือจากท่าน (2) เป็นกรณีที่กฎหมายกำหนด (3) เป็นไปเพื่อประโยชน์ของท่าน และการขอความยินยอมไม่อาจกระทำได้ในเวลานั้น (4) เป็นไปเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับชีวิต สุขภาพ หรือความปลอดภัยของท่านและผู้ใช้บริการท่านอื่น (5) เพื่อประโยชน์แก่การสอบสวนของพนักงานสอบสวน หรือการพิจารณาพิพากษาคดีของศาล (6) เพื่อประโยชน์ในการศึกษา วิจัย หรือการจัดทำสถิติ

3.  ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทรวบรวมด้วยวิธีอัตโนมัติ
บริษัทอาจใช้เทคโนโลยีอัตโนมัติในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เมื่อท่านใช้งานเว็บไซต์ และ/หรือแอพพลิเคชัน ผ่านคอมพิวเตอร์ และ/หรืออุปกรณ์เคลื่อนที่ ซึ่งเทคโนโลยีอัตโนมัตินี้อาจรวมถึงคุกกี้ เว็บบีคอน พิกเซลแท็ก และเทคโนโลยีการติดตามอื่น ๆ ที่มีลักษณะคล้ายกัน ทั้งนี้ คุกกี้และเทคโนโลยีอื่นๆ มีรายละเอียดตามด้านล่าง
3.1   ข้อมูลส่วนบุคคลที่ให้ไว้ผ่านทางเว็บไซต์ และ/หรือแอพพลิเคชั่น ของผลิตภัณฑ์ รวมถึง ชื่อ ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ การใช้สื่อสังคมออนไลน์ (Social Media Handle)
3.2 ข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวมในการทำกิจกรรมทางการตลาดบนเว็บไซต์อื่นๆ หรือบนแอพพลิเคชัน หรือสื่อสังคมออนไลน์ เมื่อเข้าร่วมรายการส่งเสริมการขายหรือแคมเปญต่าง ๆ หรือรายการอื่นในทำนองเดียวกัน เพื่อจัดทำประวัติ
3.3   ข้อมูลที่เก็บรวบรวมโดยอัตโนมัติผ่านการติดตามตรวจสอบทางระบบคอมพิวเตอร์ ได้แก่ ที่อยู่ไอพี (IP Address) เบราว์เซอร์ที่ใช้งาน หรือระบบปฏิบัติการ หน้าเว็บไซต์ที่เข้าชม และเว็บไซต์ต้นทางที่ผู้เข้าชมเชื่อมโยงมาที่เว็บไซต์ และ
3.4 ข้อมูลเกี่ยวกับตำแหน่งที่แน่นอน รวมถึงข้อมูลพิกัดทางภูมิศาสตร์แบบเรียลไทม์ (Real-Time) จากอุปกรณ์เคลื่อนที่หรือคอมพิวเตอร์ และ บริการที่บอกตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ตามพื้นที่ (Location-Based Service) อาจใช้สัญญาณจีพีเอส (GPS) สัญญาณบลูทูธ (Bluetooth) และที่อยู่ไอพี (IP Address) ร่วมกับจุดบริการสัญญาณอินเทอร์เน็ตไร้สายแบบสาธารณะ (Wi-Fi Hotspot) และตำแหน่งเสาสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ (Cell Tower) และเทคโนโลยีอื่น เพื่อกำหนดตำแหน่งโดยประมาณของอุปกรณ์ (ในกรณีที่สามารถกระทำได้)

4.  วัตถุประสงค์ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทอาจแบ่งปันข้อมูลนี้กับบุคคลที่สาม คู่ค้า หรือพันธมิตร ที่เชื่อถือได้ (“คู่ค้า”) เพื่อนำไปใช้ตามวัตถุประสงค์ และตามที่ได้รับอนุญาต รายละเอียด ดังต่อไปนี้
4.1    การให้บริการเว็บไซต์และ/หรือแอพพลิเคชั่น
4.1.1 บริษัทเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูล เพื่อให้บริการเว็บไซต์ของบริษัท และ/หรือแอพพลิเคชั่น วิเคราะห์ทิศทางเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ และบริการต่าง ๆ และเพิ่มความถูกต้องแม่นยำของชุดข้อมูลธุรกิจของบริษัท ตลอดจนช่วยให้บริษัทสามารถจับคู่ที่อยู่ไอพี (IP Address) กับข้อมูลติดต่อทางธุรกิจได้
4.1.2 บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลผู้เข้าชมเว็บไซต์และ/หรือแอพพลิเคชั่นของบริษัท และจับคู่ข้อมูลธุรกิจจากฐานข้อมูลต่าง ๆ ของบริษัท และข้อมูลที่ได้รับจากบุคคลที่สามกับข้อมูลดังกล่าว เพื่อให้ได้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเภทธุรกิจต่าง ๆ ที่เข้าชมเว็บไซต์และ/หรือแอพพลิเคชั่นของบริษัท และตัวเลือกเบราว์เซอร์ที่นิยมใช้ของธุรกิจดังกล่าวบนเว็บไซต์และ/หรือแอพพลิเคชั่น เพื่อปรับปรุงผลิตภัณฑ์ เว็บไซต์ และ/หรือแอพพลิเคชั่น และธุรกิจของบริษัทอย่างต่อเนื่อง
4.1.3 บริษัทอาจนำข้อมูลผู้เข้าชมเว็บไซต์และ/หรือแอพพลิเคชั่น ทั้งหมดมาใช้กำหนดรูปแบบการใช้งาน หรือความสนใจของ ผู้เข้าชมเว็บไซต์ และ/หรือแอพพลิเคชั่น และผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ เพื่อวัตถุประสงค์อื่นที่เกี่ยวข้องกับการสนับสนุนทางเทคนิคหรือความมั่นคงปลอดภัยของเว็บไซต์ และ/หรือแอพพลิเคชั่น ผลิตภัณฑ์ และระบบคอมพิวเตอร์ หรือเพื่อตรวจสอบการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับอนุญาต เพื่อตอบคำถามจากท่าน เพื่อการวิจัยตลาด และเพื่อปรับปรุงรูปแบบและฟังก์ชันของผลิตภัณฑ์
4.2   วัตถุประสงค์ทางการตลาด
บริษัทใช้ข้อมูลที่ได้มาจากการวิเคราะห์ ซึ่งอาจใช้ร่วมกับข้อมูลเชิงพฤติกรรมที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคล ซึ่งได้รับข้อมูลมาจากบุคคลที่สาม เพื่อกำหนดรูปแบบ และปรับปรุงกิจกรรมทางการตลาดโดยทั่วไปของบริษัทให้ดียิ่งขึ้น และในกรณีกฎหมายที่เกี่ยวข้องอนุญาตให้ทำได้ บริษัทอาจเก็บรวบรวม ใช้และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงเพื่อวัตถุประสงค์ทางการตลาดต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
4.2.1 เพื่อรวบรวมการสั่งซื้อผลิตภัณฑ์และบริการที่มีการเข้าถึงโดยท่าน เพื่อกำหนดประเภทสินค้าและบริการที่ท่านประสงค์ที่จะซื้อ เพื่อปรับปรุงคุณภาพผลิตภัณฑ์ ส่งข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ และนำเสนอการบริการที่ท่านอาจสนใจ รวมถึงการให้คำแนะนำเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการแก่ท่าน
4.2.2 เพื่อดำเนินการตามคำสั่งซื้อ ชำระเงิน และการทำธุรกรรมอื่นๆ บนเว็บไซต์ และ/หรือแอพพลิเคชั่น
4.2.3 เพื่อจัดกิจกรรมชิงโชค ของรางวัลแคมเปญต่าง ๆ รวมถึงการแข่งขันต่าง ๆ
4.2.4 เพื่อส่งโฆษณาประชาสัมพันธ์ คูปอง ข่าวสาร และข้อมูลอื่น ๆ เกี่ยวกับโปรโมชั่น หรือกิจกรรมพิเศษแก่ท่านโดยตรงไปยังท่านบนเว็บไซต์ และ/หรือแอพพลิเคชั่น โดยท่านอาจเลือกที่จะไม่รับข้อความโฆษณาบางประเภทได้โดยปฏิบัติตามคำแนะนำที่ให้ไว้
4.2.5 เพื่อการทำวิจัย หรือวิเคราะห์กลยุทธ์ ในการพัฒนา ปรับปรุง ฟังก์ชันต่าง ๆ บนเว็บไซต์และ/หรือแอพพลิเคชั่น
4.2.6 เพื่อการติดต่อสื่อสารทางการตลาดที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการจากบริษัท รวมถึงพันธมิตรของบริษัท และการใช้ข้อมูลในเชิงพาณิชย์ที่ไม่ขัดต่อกฎหมาย
4.2.7 เพื่อจับคู่กับแหล่งข้อมูลภาครัฐและภาคเอกชน และจัดทำชุดข้อมูลโดยไม่เปิดเผยตัวบุคคล (ข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้ ได้แก่ ข้อมูลประชากร ข้อมูลเชิงพฤติกรรม และข้อมูลทางเทคนิคที่สรุปมาจากข้อมูลพื้นฐาน) เพื่อการใช้ประโยชน์ของบริษัท และ/หรือบุคคลที่สาม
4.3   วัตถุประสงค์ทางสถิติ
บริษัทรวบรวมข้อมูลเป็นครั้งคราวเกี่ยวกับธุรกรรมออนไลน์และออฟไลน์ และข้อมูลทางทะเบียนสำหรับการวิเคราะห์ข้อมูลภายใน เพื่อวัตถุประสงค์ทางสถิติเท่านั้น ซึ่งจะไม่ถูกรวมอยู่ในผลิตภัณฑ์หรือบริการที่จัดให้แก่ท่าน

5.   การแบ่งปันและโอนข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านหรือข้อมูลอื่นๆ เกี่ยวกับท่านที่บริษัทจัดเก็บในปัจจุบัน และที่จะได้จัดเก็บในอนาคต ให้แก่คู่ค้า บุคคล หรือ นิติบุคคลอื่น ภายในขอบเขตตามที่ระบุไว้ ดังนี้
5.1   บริษัทมีการแบ่งปันข้อมูลให้กับผู้รับข้อมูล เพื่อสนับสนุนการดำเนินธุรกิจของบริษัท โดยบริษัทจะกำหนดเงื่อนไขตามสัญญาให้ผู้รับข้อมูลดังกล่าวใช้ข้อมูลตามวัตถุประสงค์สำหรับการเปิดเผยเท่านั้น และผู้รับข้อมูลจะต้องทำลาย หรือส่งข้อมูลดังกล่าวคืนเมื่อไม่มีความจำเป็นต้องใช้ข้อมูลดังกล่าวอีกต่อไป
5.2   บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลตามที่ได้รับการร้องขอตามความเหมาะสมและเป็นไปตามกฎหมาย ในกรณีที่บริษัทถูกซื้อกิจการ หรือขายกิจการบางส่วนหรือทั้งหมด ข้อมูลที่บริษัทเก็บรวบรวมไว้จะถือเป็นสินทรัพย์ที่สามารถโอนให้แก่ผู้ซื้อกิจการได้
5.3   บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลของท่านภายใต้หลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด  ตามคำสั่งศาล หมายศาล กระบวนการบังคับใช้กฎหมาย การไต่สวนโดยหน่วยงานกำกับดูแล หรือกรณีอื่นตามที่กฎหมายกำหนดได้ นอกจากนี้ บริษัทอาจได้รับคำร้องขอ อาทิ คำสั่งศาล หมายศาล กระบวนการบังคับใช้กฎหมายจากหน่วยงานราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือหน่วยงานที่มีหน้าที่กำกับดูแลการให้บริการ และในกรณีที่มีการร้องขอให้เปิดเผยข้อมูลโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมาย คำสั่ง แนวทาง หรือการร้องขอใดๆ จากหน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจตามกฎหมาย หรือเป็นการร้องขอจากหน่วยงานที่มีความเกี่ยวข้องกับกระบวนการทางกฎหมาย รวมถึงในกรณีที่มีความจำเป็นตามสมควรในการบังคับใช้ข้อตกลงและเงื่อนไขการใช้ของบริษัท โดยไม่มีการขออนุญาตจากท่านเพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย หรือการบังคับใช้กฎหมาย  ในการดำเนินการตามคำร้องขอดังกล่าว บริษัทจะดำเนินการ (1) เพียงเท่าที่จำเป็นเพื่อการรักษาความมั่นคงแห่งชาติ ประโยชน์สาธารณะ หรือการบังคับใช้กฎหมาย หรือ (2) ตามกฎหมาย กฎระเบียบของทางราชการ หรือคำพิพากษาคดีที่กำหนดหน้าที่หรือการอนุญาตไว้โดยชัดแจ้ง
5.4   บริษัทอาจปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การโอนข้อมูลระหว่างประเทศ โดยเข้าทำข้อสัญญามาตรฐานหรือใช้กลไกอื่นที่พึงมีตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลที่ใช้บังคับ และบริษัทอาจอาศัยสัญญาการโอนข้อมูล หรือกลไกอื่นที่ได้รับการอนุมัติ เพื่อการโอนข้อมูลส่วนบุคคลทั่วโลก
5.5  บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่คู่ค้า บุคคลภายนอกที่บริษัทให้บริการ หรือในนามของบริษัท รวมถึงการปฏิบัติตามคำสั่งซื้อของท่าน    การประมวลผลการชำระเงิน   การวิเคราะห์ข้อมูล   การจัดโปรโมชั่น   การแข่งขัน     การจับรางวัลและการชิงโชค การทำวิจัยและวิเคราะห์ทางการตลาด หรือการสำรวจความพึงพอใจของท่าน และวัตถุประสงค์อื่นๆ ตามที่ระบุในนโยบายฉบับนี้ ซึ่งคู่ค้าหรือบุคคลภายนอกดังต่อไปนี้ มีหน้าที่ในการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเช่นเดียวกันกับบริษัท
5.5.1 ผู้ให้บริการที่ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลในนามของบริษัท
5.5.2 ลูกจ้างและผู้รับจ้างที่มีหน้าที่ในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล
5.5.3 ลูกค้าหรือผู้ใช้งานที่สามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวมจากแหล่งข้อมูลสาธารณะและข้อมูลได้รับจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลแต่ละราย
5.5.4 คู่ค้าในเครือข่ายทั่วโลก และพันธมิตรทางธุรกิจของบริษัท (Business Partners) ที่นำข้อมูลของบริษัทไปใช้เป็นส่วนหนึ่งของการให้บริการ
5.5.5 ผู้ตรวจสอบบัญชี ทนายความ และที่ปรึกษาด้านต่าง ๆ ของบริษัท
5.5.6 ผู้ให้บริการและผู้รับจ้างงานสนับสนุน/ช่วยเหลือ
5.5.7 หน่วยงานราชการหรือหน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจในการขอข้อมูลส่วนบุคคล เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานอัยการ ศาล เจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีอำนาจในการขอข้อมูลส่วนบุคคล พนักงานสอบสวน อัยการ เป็นต้น
5.5.8 บุคคลที่สามที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ขอให้บริษัท แบ่งปันข้อมูล

6.  หลักกฎหมายที่ใช้ในการประมวลผลข้อมูล
บริษัทดำเนินการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านภายใต้ฐานการประมวลผล ดังต่อไปนี้
6.1   ฐานความยินยอม (Consent) : ท่านให้ความยินยอมแก่บริษัทในการเก็บรวบรวม ใช้ จัดการ รักษา และเปิดเผยข้อมูลของตนได้ตามที่ระบุไว้ในนโยบายฉบับนี้ ประกาศความเป็นส่วนตัว (Privacy Notice)   และข้อกำหนดและเงื่อนไขที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์แต่ละรายการ โดยบริษัทอาจใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในการนำเสนอสินค้า บริการ หรือโฆษณาที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ตรงกับความสนใจกับท่าน และให้ท่านได้รับผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการที่ดียิ่งขึ้น และสอดคล้องกับความต้องการของท่าน รวมถึงเพื่อให้ท่านได้รับข้อเสนอ สิทธิประโยชน์พิเศษ คำแนะนำ และข่าวสารต่างๆ ทั้งนี้ ไม่ว่าข้อมูลดังกล่าวจะได้มาจากการให้ความยินยอมแก่บริษัทเอง หรือแก่บริษัทในกลุ่มคู่ค้าของบริษัท หรือแก่บุคคลที่บริษัทเป็นตัวแทน นายหน้า ผู้จำหน่าย หรือแก่พันธมิตรทางธุรกิจ หรือแก่บุคคลภายนอกที่มีความเกี่ยวข้องกับบริษัทก็ตาม
6.2   ฐานการปฏิบัติตามกฎหมาย (Legal Obligation) :   บริษัทอาจต้องนำส่งข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อการปฏิบัติตามบทบัญญัติของกฎหมายและหรือตามคำสั่งของผู้มีอำนาจตามกฎหมาย การปฏิบัติตามกฎหมายหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ กฎหมายภาษีอากร กฎหมายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน กฎหมายคอมพิวเตอร์ กฎหมายล้มละลาย และกฎหมายอื่นๆ ที่บริษัทจำเป็นต้องปฏิบัติตามทั้งของในประเทศไทยและต่างประเทศ รวมถึงกฎ ระเบียบ และประกาศที่ออกตามกฎหมายดังกล่าว โดยบริษัทอาจนำส่งข้อมูลให้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่ หน่วยงานรัฐที่มีอำนาจตามกฎหมายในการเรียกข้อมูลที่บริษัทครอบครองอยู่ได้ เช่น กรมสรรพากร สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานอัยการสูงสุด ศาล เป็นต้น
6.3  ฐานจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายโดยไม่เกินขอบเขตที่ท่านสามารถคาดหมายได้อย่างสมเหตุสมผล (Legitimate Interest) : ท่านให้ความยินยอมแก่บริษัทในการประมวลผลข้อมูลที่เป็นไปเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย โดยบริษัทอาจนำข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปใช้เพื่อการประมวลผล การวิจัย หรือการจัดทำสถิติซึ่งเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการดำเนินงานของบริษัท การปรับปรุงคุณภาพของการให้บริการ การจัดทำข่าวสารประชาสัมพันธ์ การใช้คุกกี้ที่จำเป็นต่อการเข้าชมเว็บไซต์ การบันทึกเสียงทาง Call Center ภาพถ่าย/ภาพเคลื่อนไหว การบันทึกภาพ CCTV การแลกบัตรก่อนเข้าอาคาร การจัดการข้อร้องเรียน การประเมินความพึงพอใจ การดูแลลูกค้าของบริษัทด้วยการแจ้งเตือนหรือนำเสนอผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการต่าง ๆ  ประเภทเดียวกันกับที่ท่านมีอยู่กับบริษัทซึ่งเป็นประโยชน์กับท่าน การบริหารความเสี่ยง การกำกับตรวจสอบ การบริหารจัดการภายในองค์กร รวมถึงการส่งต่อไปยังบริษัทในเครือ การทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้(Anonymous Data) การป้องกัน รับมือ ลดความเสี่ยงที่อาจเกิดการกระทำการทุจริต ภัยคุกคามทางไซเบอร์ การติดต่อ การบันทึกภาพ การบันทึกเสียงเกี่ยวกับการจัดประชุม อบรม สันทนาการ การชิงโชค การแข่งขัน หรือออกบูธ การลงทะเบียน เป็นต้น

7.  การใช้งานคุกกี้ (Cookie)
บริษัทใช้คุกกี้เพื่อเก็บข้อมูลการล็อกอิน (Login) และ ล็อกเอาท์ (Logout) หรือข้อมูลอื่นในคอมพิวเตอร์ของท่านเมื่อท่านเข้าชมเว็บไซต์ เพื่อปรับปรุงการทำงานของเว็บไซต์ของบริษัท การตลาด และเนื้อหาในเว็บไซต์ และเพื่อให้บริการต่าง ๆ เป็นไปตามความพึงใจและความสนใจของท่าน โดยคุกกี้ทำให้บริษัทสามารถวิเคราะห์กิจกรรมต่าง ๆ เกี่ยวกับเว็บไซต์ของบริษัทได้ อาทิ วันที่ เวลา และหน้าเว็บไซต์ที่เข้าชม ตลอดจนเว็บไซต์ต้นทางที่ท่านหรือผู้เข้าชมรายใหม่เชื่อมโยงมาที่เว็บไซต์ การป้องกันและตรวจจับการดำเนินการที่ต้องห้ามหรือไม่ได้รับอนุญาต สำหรับบริการบางประเภท บริษัทเสนอทางเลือกให้ท่านในการเก็บข้อมูลรหัสผู้ใช้หรือรหัสผ่านไว้ในคุกกี้ได้โดยที่ท่านไม่จำเป็นต้องใส่ข้อมูลดังกล่าวอีกเมื่อกลับมายังเว็บไซต์ของบริษัทในภายหลัง บริษัทอาจใช้แฟลชคุกกี้ (Flash Cookie) เพื่อแสดงเนื้อหาตามสิ่งที่ท่านดูบนเว็บไซต์ของบริษัทเพื่อกำหนดลักษณะเฉพาะตัวในการเข้าใช้งาน ทั้งนี้ เมื่อท่านเลือกผลิตภัณฑ์หรือบริการใดๆ ของบริษัท ลงทะเบียนรับข่าวสารหรือการแจ้งทางอีเมล กรอกข้อมูลแบบฟอร์มออนไลน์ หรือกรอกแบบสอบถาม บริษัทอาจพยายามระบุเบราว์เซอร์ของท่าน และนำข้อมูลจากคุกกี้และข้อมูลอื่นที่เก็บรวบรวมออนไลน์ไปใช้ร่วมกับข้อมูลอื่นที่อยู่ในความครอบครองของบริษัท

8.   โฆษณาของบุคคลที่สาม
บริษัทอาจเปิดเผยหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังบุคคลภายนอก ทั้งภายในประเทศ หรือต่างประเทศ เท่าที่จำเป็นเพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ และฐานในการประมวลผลที่ได้แจ้งไว้ในนโยบายฉบับนี้เท่านั้น โดยบริษัทมีการใช้บริษัทโฆษณาอื่นเพื่อแสดงแถบโฆษณาของบริษัทบนเว็บไซต์ การใช้คุกกี้ของบุคคลที่สาม และเทคโนโลยีติดตามตรวจสอบอื่นไม่อยู่ภายใต้บังคับตามนโยบายฉบับนี้ และบริษัทไม่มีสิทธิเข้าถึง หรือมีอำนาจควบคุมการดำเนินการต่าง ๆ ของบุคคลที่สามแต่อย่างใด บุคคลที่สามอาจมีการใช้คุกกี้ในคอมพิวเตอร์ของท่าน หรือใช้เว็บบีคอน (Web Beacon) เพื่อเข้าถึงคุกกี้ที่เก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ดังกล่าว และติดตามตรวจสอบการใช้งานออนไลน์และรูปแบบพฤติกรรมต่าง ๆ บริษัทเหล่านี้อาจใช้ข้อมูลเกี่ยวกับการเข้าชมเว็บไซต์ของบริษัท เพื่อการโฆษณาบนเว็บไซต์ เกี่ยวกับสินค้าและบริการที่อาจเป็นที่สนใจของท่าน และจากนั้นคัดเลือกเนื้อหาโฆษณาให้ตรงตามความต้องการของท่านเมื่อเข้าชมเว็บไซต์อื่น
8.1    เว็บบีคอน (Web Beacons)
ในบางกรณี บริษัทมีการใช้เว็บบีคอน เพื่อรวบรวมสถิติเกี่ยวกับการใช้งานเว็บไซต์ของบริษัท บางเว็บไซต์ของบริษัทใช้เว็บบีคอนร่วมกับคุกกี้ อีเมลของบริษัทบางฉบับอาจมีระบบติดตามที่เรียกว่าพิกเซล (Pixel) หรือรหัส (Code) เพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้อีเมลและข้อมูลการวิเคราะห์ บริษัทอาจแบ่งปันการใช้ข้อมูลเข้ารหัสดังกล่าวกับบุคคลที่สามเพื่อวัตถุประสงค์ในการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับอีเมลได้
8.2    ตัวเลือกเกี่ยวกับคุกกี้
ท่านอาจลบการตั้งค่าเบราว์เซอร์เพื่อยกเลิกการใช้คุกกี้ และยังคงใช้งานเว็บไซต์ของ ต่อไปได้ ทั้งนี้ การเข้าถึงและใช้งานเว็บไซต์บางลักษณะอาจช้าลงและได้รับความสะดวกน้อยลง
8.3    การตลาดทางอีเมล ทางข้อความ หรือทางโทรศัพท์
การให้ข้อมูลหมายเลขโทรศัพท์แก่บริษัท ถือเป็นการให้ความยินยอมและอนุญาตโดยชัดแจ้งให้สามารถติดต่อท่านผู้ให้ข้อมูลหมายเลขโทรศัพท์นั้นได้ด้วยวิธีการดยชอบด้วยกฎหมาย รวมถึงการใช้ระบบติดต่อทางโทรศัพท์อัตโนมัติ และ/หรือที่ควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ การส่งข้อความ และการส่งข้อความที่บันทึกไว้ล่วงหน้า และเทคโนโลยีอื่นในการติดต่อทางโทรศัพท์ เพื่อวัตถุประสงค์โดยชอบด้วยกฎหมาย   ตลอดจนการเสนอขายผลิตภัณฑ์และบริการต่าง ๆ ของบุคคลที่สาม    ทั้งนี้  ในการยกเลิกการรับอีเมลส่งเสริมการขาย
ข่าวสาร และข้อมูลล่าสุดของบริษัทเกี่ยวกับคุณสมบัติใหม่ ผลิตภัณฑ์ และบริการต่าง ๆ หรือการทำการตลาดทางโทรศัพท์ ท่านสามารถแจ้งและติดต่อบริษัทผ่านช่องทางที่บริษัทกำหนดหรืออาจปฏิบัติตามคำแนะนำของบริษัท
8.4    การเสนอขายสินค้าโดยบุคคลที่สาม
หากข้อมูลติดต่อทางธุรกิจอยู่ในสารบบทางการตลาดของบุคคลที่สามแล้ว กรณีที่ท่านต้องการนำข้อมูลติดต่อทางธุรกิจออกจากฐานข้อมูลติดต่อท่านกับบุคคลที่สาม ท่านอาจต้องส่งคำร้องขอให้ลบข้อมูลดังกล่าวไปยังบุคคลที่สามรายนั้นโดยตรง

9.  การเชื่อมโยงข้อมูลส่วนบุคคลกับคู่ค้าหรือหน่วยงานอื่น
9.1   บริษัทอาจเชื่อมโยงข้อมูลส่วนบุคคลกับคู่ค้าหรือหน่วยงานอื่น โดยบริษัทจะขอความยินยอมจากท่านก่อนที่จะทำการเชื่อมโยงข้อมูลส่วนบุคคล โดยมีรายละเอียดอย่างน้อย (1) คู่ค้าหรือหน่วยงานที่จะทำการเชื่อมโยงข้อมูลส่วนบุคคล (2) วัตถุประสงค์ในการเชื่อมโยงข้อมูลส่วนบุคคล (3) วิธีการในการเชื่อมโยงข้อมูลส่วนบุคคล (4) ข้อมูลส่วนบุคคลที่จะทำการเชื่อมโยง (5) บุคคลผู้มีสิทธิเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล
9.2   ในการเชื่อมโยงข้อมูลส่วนบุคคลกับคู่ค้าหรือหน่วยงานอื่น บริษัทจะแสดงชื่อผู้เก็บรวบรวม บุคคลผู้มีสิทธิในข้อมูลที่ได้มีการเก็บรวบรวมอย่างชัดเจน เพื่อให้ท่านได้รับทราบ นอกจากนี้ บริษัทจะจัดทำบันทึกการเชื่อมโยงข้อมูลไว้เป็นหลักฐาน ทั้งนี้ หากมีการเปลี่ยนแปลงการเชื่อมโยงข้อมูล บริษัทจะแจ้งให้ท่านทราบถึงการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว และขอความยินยอมก่อนการดำเนินการ

10.  สิทธิในการได้รับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
10.1 บริษัทเคารพสิทธิส่วนบุคคลของท่าน และเปิดโอกาสให้ท่านสามารถเลือกวิธีการควบคุม หรือวิธีการที่บริษัทใช้ติดต่อท่าน โดยบริษัทจะปฏิบัติตามที่ท่านได้ร้องขอ เพื่อช่วยให้เกิดความโปร่งใส และเพื่อคุณภาพและความถูกต้องของข้อมูล ท่านมีสิทธิดังนี้
10.1.1 สิทธิในการเข้าถึง และขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้เก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย
10.1.2 สิทธิในการให้โอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
10.1.3 สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
10.1.4 สิทธิในการเพิกถอนความยินยอมให้บริษัทประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้องเป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
10.1.5 สิทธิในการระงับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
10.1.6 สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง และ
10.1.7 สิทธิในการยื่นข้อร้องเรียนต่อหน่วยงานกำกับดูแลในกรณีที่ท่านเห็นว่าถูกบริษัทหรือเจ้าหน้าที่หรือตัวแทนของบริษัทละเมิดสิทธิตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562
10.2   การร้องขอใด ๆ เพื่อการใช้สิทธิของท่านตามที่กล่าวข้างต้น จะต้องกระทำเป็นลายลักษณ์อักษร โดยหากท่านประสงค์ที่จะใช้สิทธิใด ๆ ดังกล่าวข้างต้น โปรดติดต่อเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลผ่านช่องทางที่ระบุในข้อ 13. โดยบริษัทจะตอบกลับมายังท่านภายในระยะเวลาที่สมเหตุสมผล และไม่เกินระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด
         ทั้งนี้ บริษัทอาจคิดค่าธรรมเนียมสำหรับบริการนี้ขึ้นกับดุลพินิจของบริษัทแต่ฝ่ายเดียว โดยบริษัทจะใช้ความพยายามทุกวิถีทางเพื่อแก้ไขข้อร้องเรียนหรือปัญหาต่าง ๆ โดยเร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ อย่างไรก็ตาม อาจเกิดข้อจำกัดในการขอใช้สิทธิของท่านบางประการ ซึ่งบริษัทจะทำการชี้แจงให้ท่านทราบหากไม่สามารถปฏิบัติตามคำร้องขอใช้สิทธิของท่านได้ โดยข้อจำกัดดังกล่าวเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด
10.3   บริษัทอาจปฏิเสธที่จะดำเนินการตามคำร้องขอของท่านได้ หากบริษัทหรือคู่ค้ามีความจำเป็นที่จะต้องเก็บข้อมูลต่อไปเพื่อการกระทำดังต่อไปนี้
10.3.1 เพื่อทำรายการใด ๆ ตามวัตถุประสงค์ที่บริษัทเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลนั้น เพื่อการจัดหาสินค้าหรือบริการตามที่ท่านร้องขอ หรือดำเนินการตามสมควรภายในขอบเขตความสัมพันธ์ทางธุรกิจระหว่างบริษัทกับท่าน หรือเพื่อปฏิบัติตามสัญญาระหว่างบริษัทกับท่าน
10.3.2   เพื่อตรวจสอบเหตุการณ์เกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงปลอดภัย ป้องกันการกลั่นแกล้ง การฉ้อฉล การฉ้อโกง หรือการกระทำผิดกฎหมาย หรือฟ้องร้องดำเนินคดีกับบุคคลที่ต้องรับผิดชอบต่อการกระทำดังกล่าว
10.3.3   เพื่อตรวจสอบการทำงานของผลิตภัณฑ์ เพื่อหาและแก้ไขข้อผิดพลาดที่ทำให้ไม่สามารถใช้งานได้ตามปกติ
10.3.4   เพื่อทำการศึกษาวิจัยเชิงวิทยาศาสตร์ เชิงประวัติหรือเชิงสถิติโดยทั่วไป หรือโดยผู้ชำนาญการ เพื่อประโยชน์สาธารณะ โดยคำนึงถึงจรรยาบรรณและกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เมื่อการลบข้อมูลนั้นจะทำให้ไม่สามารถบรรลุหรือขัดขวางการบรรลุผลสำเร็จในการศึกษาวิจัยอย่างมีนัยสำคัญ หากท่านได้ให้ความยินยอมแล้วก่อนหน้านี้
10.3.5  เพื่อใช้เป็นการภายในตามสมควรโดยสอดคล้องกับความคาดหมายของท่านที่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับบริษัท และสอดคล้องกับบริบทที่ท่านได้ให้ข้อมูลดังกล่าวไว้แต่แรก และ
10.3.6  เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง

11.   การรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูล
11.1  บริษัทจะใช้มาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลทางเทคนิค ทางกายภาพ และทางธุรการที่เหมาะสม เพื่อป้องกันการเข้าถึงและเปิดเผยข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต และสอดคล้องกับการดำเนินธุรกิจของบริษัท และมาตรฐานอันเป็นที่รับรองโดยทั่วไป บริษัทกำหนดให้ลูกจ้างของบริษัทเข้ารับการฝึกอบรมเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูล นอกจากนี้ บริษัทยังมีการจัดจ้างบริษัทภายนอกเพื่อดำเนินการตรวจสอบสถานะให้แน่ใจว่า คู่ค้าของบริษัทมีการใช้มาตรการในการเก็บรวบรวม ประมวลผล โอนย้าย จัดการ และรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลอย่างเพียงพอในการให้บริการในนามของบริษัท ในการนี้ บริษัทจะมีการสอบทานและปรับปรุงมาตรการดังกล่าวตามความจำเป็น เพื่อให้แน่ใจว่าการประมวลผลข้อมูลดังกล่าวนั้นเป็นไปตามมาตรฐานต่าง ๆ ของประเทศและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง
11.2  นโยบายและขั้นตอนวิธีการต่าง ๆ เพื่อการจัดการข้อมูลอย่างปลอดภัย และป้องกันการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาตที่บริษัท ดำเนินการมีดังนี้
11.2.1 กำหนดนโยบายและขั้นตอนวิธีการต่าง ๆ เพื่อจัดการข้อมูลอย่างปลอดภัย และตามที่อาจกำหนดเพิ่มเติมในสัญญาระหว่างบริษัทกับท่านแต่ละราย
11.2.2 จำกัดสิทธิลูกจ้างในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล
11.2.3 ป้องกันการเข้าถึงข้อมูลของท่านโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยใช้การเข้ารหัสข้อมูล การตรวจสอบตัวตนและเทคโนโลยีการตรวจจับไวรัส ตามความจำเป็น
11.2.4 กำหนดให้คู่ค้าที่ทำธุรกิจกับบริษัทต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ตามกฎหมายและระเบียบต่าง ๆ ว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลติดตามตรวจสอบเว็บไซต์ของบริษัทผ่านหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและการรักษาความมั่นคงปลอดภัยแบบออนไลน์
11.2.5 ตรวจสอบประวัติลูกจ้าง และจัดให้มีการฝึกอบรมเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลแก่คณะทำงานของบริษัท และ
11.2.6 ประเมินผลแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล การจัดการข้อมูล และการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลของบริษัทเป็นประจำ

12. ระยะเวลาในการจัดเก็บข้อมูล
บริษัทจะใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสม เพื่อดำเนินการตามคำขอของท่าน โดยบริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ภายใต้ระยะเวลา ดังนี้
12.1 กรณีที่ท่านให้ข้อมูลแก่บริษัทในฐานะสมาชิก บริษัทจะเก็บข้อมูลท่านไว้ตราบเท่าที่ท่านเป็นสมาชิกของบริษัท
12.2 กรณีที่ท่านให้ข้อมูลแก่บริษัทในฐานะที่ท่านเป็นลูกค้า ผู้ใช้บริการ บริษัทจะเก็บข้อมูลท่านไว้ตราบเท่าที่จำเป็นเพื่อให้บริการแก่ท่าน และจะเก็บต่อไปอีก 10 (สิบ) ปี นับแต่วันที่สิ้นสุดการให้บริการ
12.3 กรณีที่ท่านให้ข้อมูลแก่บริษัทในฐานะที่ท่านเป็นคู่สัญญา บริษัทจะเก็บข้อมูลของท่านไว้ตราบเท่าที่จำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญา และจะเก็บต่อไปอีกตามอายุความ 10 (สิบ) ปี นับแต่วันที่สัญญาสิ้นสุด
12.4 กรณีการเข้าชมเว็บไซต์ บริษัทเก็บรวบรวมข้อมูลของท่านไว้ 10 (สิบ) ปี นับแต่ที่ท่านเข้าใช้บริการบนเว็บไซต์
12.5 กรณีภาพข่าวประชาสัมพันธ์บนเว็ปไซต์ บริษัทจัดเก็บรวบรวมข้อมูลของท่านไว้ 10 (สิบ) ปี   นับแต่ที่ลงข่าวบนเว็บไซต์ของบริษัท
12.6  กรณีข้อมูลบนแอพพลิเคชั่น บริษัทจะเก็บไว้จนกว่าท่านจะลบบัญชี เมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาตามข้อ 12.1 - 12.5 บริษัทจะทำตามขั้นตอนการลบเพื่อดูแลให้มีการนำข้อมูลของท่านทั้งหมดออกจากเซิร์ฟเวอร์ของบริษัทอย่างปลอดภัย หรือเก็บรักษาไว้ในรูปแบบที่ทำให้ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลได้เท่านั้น อย่างไรก็ตาม บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลบางอย่างไว้นานกว่าที่ระบุข้างต้น หากจำเป็นเพื่อวัตถุประสงค์ทางธุรกิจหรือโดยชอบตามกฎหมาย เช่น เพื่อความปลอดภัย เพื่อการป้องกันการละเมิดหรือการประพฤติ มิชอบ หรือเพื่อการเก็บบันทึกทางการเงิน

13. ช่องทางการติดต่อบริษัท
หากท่านเห็นว่าการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไม่เป็นไปตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 ท่านมีสิทธิที่จะร้องเรียนไปยังเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัท ดอนเมืองพัฒนา จำกัด เลขที่ 355/115-116 หมู่ 15 ถนนพหลโยธิน  ต. คูคต อ. ลำลูกกา  จ. ปทุมธานี   12130
02-995-0610-3
Itadmin@simummuangmarket.com

14.  การแก้ไขเปลี่ยนแปลงนโยบาย
หากบริษัทมีการเปลี่ยนแปลงในสาระสำคัญเกี่ยวกับแนวปฏิบัติว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทจะปรับปรุงและแก้ไขนโยบายฉบับนี้ และแสดงบนเว็บไซต์ของบริษัท เพื่อให้ท่านได้ทราบถึงวิธีการที่บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ จัดการ เปิดเผย และคุ้มครองข้อมูล

นโยบายฉบับนี้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่   1 เดือนมกราคม พ.ศ. 2565   เป็นต้นไป