ประกาศความเป็นส่วนตัวเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการตลาดสี่มุมเมือง (Privacy Notice)
บริษัท ดอนเมืองพัฒนา จำกัด

หลักการและเหตุผล

บริษัท ดอนเมืองพัฒนา จำกัด เป็นผู้ดำเนินธุรกิจหลักด้านตลาดกลางค้าส่งสินค้าทางการเกษตร โดยให้เช่าหรือให้บริการพื้นที่หรือให้สิทธิแก่ผู้ค้าหรือผู้ประกอบการเพื่อทำการค้าหรือให้บริการในตลาดกลาง รวมถึงการทำการค้าหรือให้บริการผ่านระบบออนไลน์ ในระบบแพลตฟอร์ม โปรแกรม เว็บไซต์ หรือแอพพลิเคชั่นใด ๆ ของบริษัท (ต่อไปนี้จะเรียกว่า “ผู้ใช้บริการ”) และเพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าผู้ใช้บริการได้รับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล  บริษัทจึงได้จัดทำประกาศความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้บริการตลาดสี่มุมเมือง เพื่อแจ้งให้ทราบถึงวัตถุประสงค์และรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย (อาจเรียกว่า “การประมวลผล”) ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้รับบริการ  ตามที่กำหนดในพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562  และกฎหมายต่าง ๆ เกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลที่บังคับใช้กับการดำเนินงานของบริษัทฯ ตลอดจนกฎหมายลำดับรอง พระราชกฤษฎีกา ประกาศ กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ ข้อปฏิบัติ มาตรการ แนวทางการดำเนินการ คำสั่ง และมติที่ออกตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายเหล่านั้นที่มีผลผูกพันทางกฎหมาย รวมถึงกฎหมายฉบับที่แก้ไขเพิ่มเติมด้วย (รวมเรียกว่า “กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล”)

ประกาศความเป็นส่วนตัวเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการตลาดสี่มุมเมืองภายใต้บริษัท ดอนเมืองพัฒนา จำกัดฉบับนี้ใช้กับข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับจากผู้ใช้บริการ ผู้มีอำนาจกระทำการแทนผู้รับบริการ และข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับจากบุคคลหรือหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องโปรดอ่านและทำความเข้าใจถึงกระบวนการที่บริษัทฯ ดำเนินการเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการ  

ในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงเนื้อหาในประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้บริษัทฯจะแจ้งประกาศความเป็นส่วนตัว ฉบับใหม่ผ่านช่องทางการให้บริการของตลาดสี่มุมเมืองและหน่วยงานในสังกัดและผ่านเว็บไซต์ของบริษัทฯที่ผู้ใช้บริการสามารถเข้าถึงได้ที่ https://www.simummuangmarket.com

คำนิยาม

พระราชบัญญัติ” หมายความว่า พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 รวมถึงที่แก้ไขเพิ่มเติม
สำนักงาน” หมายความว่า สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562
บริษัท” หมายความว่า บริษัท ดอนเมืองพัฒนา จำกัด และบริษัทในเครือ
บริษัทในเครือ” หมายความว่า  บริษัทจำกัด บริษัทมหาชนจำกัด หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่บริษัทมีทุนรวมอยู่ด้วยเกินกว่าร้อยละยี่สิบห้า
บริการ” หมายความว่า ผลิตภัณฑ์และบริการต่างของบริษัทที่มีไว้สำหรับผู้ใช้บริการ อันได้แก่ พื้นที่เพื่อทำการค้าหรือประกอบกิจการ สิทธิในการทำการค้าหรือประกอบการ สิทธิสัมปทาน รวมถึงบริการที่มีในระบบแพลตฟอร์ม โปรแกรม เว็บไซต์ แอปพลิเคชัน เอกสาร หรือบริการในรูปแบบอื่นที่ควบคุมดูแลโดยบริษัท ทั้งนี้ เว้นแต่ข้อความในนโยบายนี้จะบ่งชี้เป็นอย่างอื่น
ผู้ใช้บริการ” หรือ “ท่าน    หมายความว่า ผู้ใช้บริการของบริษัทและหรือผู้ที่มีความสัมพันธ์กับบริษัทในทางใดทางหนึ่ง โดยให้รวมถึง
    (1) ลูกค้าบุคคลธรรมดา
    (2) คู่ค้าและผู้ให้บริการซึ่งเป็นบุคคลธรรมดา
    (3) เจ้าหน้าที่หรือผู้ปฏิบัติงาน ลูกจ้าง
    (4) กรรมการ ผู้รับมอบอำนาจ ผู้แทน ตัวแทน ผู้ถือหุ้น ลูกจ้าง หรือบุคคลอื่นที่มีความสัมพันธ์ในรูปแบบเดียวกันของนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กับบริษัท
    (5) ผู้ใช้งานผลิตภัณฑ์หรือบริการของบริษัท
    (6) ผู้เข้าชมหรือใช้งานผ่านระบบ
    (7) บุคคลอื่นที่บริษัทเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ผู้สมัครงาน ครอบครัวของเจ้าหน้าที่ ผู้ค้ำประกัน ผู้รับประโยชน์ในกรมธรรม์ประกันภัย เป็นต้น
ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลธรรมดาของผู้ใช้บริการซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลผู้ใช้บริการได้ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อมแต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ เช่น ข้อมูลทะเบียนแรงงานที่มี หมายเลขประจำตัว ชื่อ-นามสกุล ที่อยู่ โดยข้อมูล ดังกล่าวอาจเก็บได้ในหลายรูปแบบ เช่น ในรูปแบบเอกสารที่เป็นกระดาษ หรือที่เก็บอยู่ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ในระบบสารสนเทศของบริษัทฯ
ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความละเอียดอ่อน” หมายถึง ข้อมูลส่วนบุคคลตามมาตรา 26 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (“ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความละเอียดอ่อน” หรืออาจเรียกว่า “sensitive personal data” หรือ “special categories of personal data”) ของผู้ใช้บริการ ได้แก่ ข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนา ปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ หรือข้อมูลอื่นใดซี่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทำนองเดียวกันตามที่คณะกรรมการกำหนด


ทั้งนี้ บริษัทฯ มีหน้าที่ดูแลให้การเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความละเอียดอ่อนที่เกี่ยวกับการ ให้บริการตลาดสี่มุมเมืองเป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล โดยบริษัทฯ จะไม่นำข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความละเอียดอ่อนไปใช้ประโยชน์อื่นนอกเหนือจากที่แจ้งไว้ในประกาศฉบับนี้ และจะมีมาตรการรักษา ความมั่นคงปลอดภัยที่เหมาะสม เพื่อป้องกันการสูญหาย เข้าถึง ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล โดยเฉพาะข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความละเอียดอ่อน โดยปราศจากอำนาจหรือโดยมิชอบ
 
ในกรณีที่การเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความละเอียดอ่อนเพื่อวัตถุประสงค์ใด จะต้อง ได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทฯ จะแจ้งวัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูล ส่วนบุคคลที่มีความละเอียดอ่อนดังกล่าว และแจ้งถึงผลกระทบที่เป็นไปได้จากการไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว (ถ้ามี) ก่อนหรือในขณะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อให้ผู้รับบริการสามารถพิจารณาเหตุผลความจำเป็นและผลกระทบ ประกอบการตัดสินใจให้ความยินยอมได้

เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง ผู้ใช้บริการที่เป็นบุคคลธรรมดาซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผย รวมถึงทำการประมวลผล  
 “เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล” หมายความว่า ผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งโดยบริษัทให้ทำหน้าที่ตามมาตรา 41 และ 42 แห่งพระราชบัญญัติ
ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล” หมายความว่า บุคคลหรือนิติบุคคลที่มีอำนาจและหน้าที่ในการตัดสินใจเกี่ยวกับการรวบรวม การใช้หรือการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
ผู้ประมวลผล” หมายความว่า บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลที่ดำเนินการประมวลผลตามคำสั่งหรือในนามของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ โดยบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลซึ่งดำเนินการดังกล่าวไม่เป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล
ประมวลผล” หมายความว่า การดำเนินการเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม และหรือใช้ และหรือเปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ เว้นแต่ข้อความในนโยบายนี้จะบ่งชี้เป็นอย่างอื่น
"การละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล" หมายความว่า การเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ที่กระทำโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
"บุคลากร" หมายความว่า ลูกจ้าง บุคลากรของบริษัท และให้หมายรวมถึงผู้ประมวลผลในนามของบริษัท ลูกจ้าง บุคลากร และผู้รับจ้างของผู้ประมวลผลที่ทำงานให้แก่บริษัท ทั้งนี้ อาจรวมถึงที่ปรึกษา ผู้ปฏิบัติงานจากนิติบุคคลภายนอก (Outsource) ในกรณีที่ทำหน้าที่ในนามบริษัท
ระบบ” หมายความว่า แพลตฟอร์ม โปรแกรม เว็บไซต์ หรือแอพพลิเคชั่นใด ๆ ในรูปแบบดิจิตัลหรือออนไลน์ ที่ใช้เพื่อวัตถุประสงค์ในทางการสื่อสาร การค้า การตลาด การโฆษณาประชาสัมพันธ์ ในกิจการของบริษัท ทั้งนี้ เว้นแต่ข้อความในประกาศความเป็นส่วนตัว นี้จะบ่งชี้เป็นอย่างอื่น

ฐานทางกฎหมายในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล  

ภายใต้กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล บริษัท ดอนเมืองพัฒนา จำกัดถือเป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล (Controller) ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ตัดสินใจเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ที่เกี่ยวกับผู้ใช้บริการของตลาดสี่มุมเมือง ทั้งนี้ บริษัท ดอนเมืองพัฒนา จำกัด ในฐานะผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล มีหน้าที่แจ้งให้ผู้ใช้บริการทราบถึงวัตถุประสงค์และรายละเอียดในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทฯ เช่น ข้อมูลส่วนบุคคลที่มี การเก็บรวบรวมและระยะเวลาในการเก็บรวบรวมไว้ วัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวมเพื่อการนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้ หรือเปิดเผย เหตุผลหรือฐานทางกฎหมายที่ใช้อ้างอิงในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล ข้อมูลเกี่ยวกับ บริษัท ดอนเมืองพัฒนา จำกัด ประเภทของบุคคลหรือหน่วยงานซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บ รวบรวมอาจจะถูกเปิดเผย และสิทธิของผู้รับบริการในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล (Data Subject)

หลักการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล  

ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท จะต้องสอดคล้องกับหลักการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ดังต่อไปนี้  
1. เป็นการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยชอบด้วยกฎหมาย มีความโปร่งใส และสามารถ ตรวจสอบได้ (Lawfulness, Fairness and Transparency)  
2. เป็นการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลภายใต้ขอบเขตและวัตถุประสงค์ที่บริษัทกำหนด และไม่นำไปใช้หรือเปิดเผยนอกเหนือขอบเขตและวัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผยข้อมูลนั้น (Purpose Limitation)  
3. เป็นการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเพียงพอ เกี่ยวข้อง และเท่าที่จำเป็นตามวัตถุประสงค์ ของการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล (Data Minimization)  
4. เป็นการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่ถูกต้องและดำเนินการให้ข้อมูลเป็นปัจจุบันในกรณี ที่จำเป็น (Accuracy)  
5. เป็นการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามระยะเวลาเท่าที่จำเป็น (Storage Limitation)  
6. เป็นการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่มีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูล ที่เหมาะสม (Integrity and Confidentiality)
7. หลักความรับผิดชอบ ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล เป็นหน้าที่ของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลที่ต้องปฏิบัติให้สอดคล้องตามกฎหมาย (Accountability)

ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลที่จะมีการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย


1. ข้อมูลทั่วไปและข้อมูลทางทะเบียนของผู้รับบริการ เช่น ชื่อ นามสกุล เลขประจำตัวประชาชน เลขที่ใบต่างด้าว เลขที่หนังสือเดินทาง เลขที่ในบัตรประจำตัวหรือเอกสารอ้างอิง เพศ วันเดือนปีเกิด อายุ สถานที่เกิด อาชีพ ตำแหน่ง/หน้าที่ เชื้อชาติ สัญชาติ ศาสนา สถานภาพสมรส การศึกษา ชื่อบิดามารดา ชื่อสามี/ภรรยา ภาพถ่าย ลายมือชื่อ เป็นต้น  
2. ข้อมูลการติดต่อของผู้ใช้บริการ เช่น ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ อีเมล เป็นต้น  
3. ข้อมูลทั่วไปและข้อมูลการติดต่อของบุคคลที่ติดต่อได้ในกรณีฉุกเฉิน เช่น ชื่อ นามสกุล ความสัมพันธ์กับ ผู้ใช้บริการที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ อีเมล เป็นต้น
4. สำเนาเอกสารที่จำเป็นต้องใช้เพื่อการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการแก่ผู้ใช้บริการ เช่น การเบิกจ่ายค่าลงสินค้า หรือการดำเนินการอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน สำเนาหนังสือเดินทาง สำเนาบัตรหรือเอกสารประจำตัวอื่น ๆ สำเนาทะเบียนบ้าน เป็นต้น  
5. ข้อมูลเกี่ยวกับผู้บริหาร พนักงาน แรงงาน และบุคลากรของบริษัทฯ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายหรือว่าจ้างจากบริษัทฯ ที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการแก่ผู้ใช้บริการ
6. ข้อมูลเกี่ยวกับการร้องเรียน การร้องทุกข์ การประเมินความพึงพอใจ การแสดงความคิดเห็น หรือการใช้สิทธิของ ผู้ใช้บริการ ที่สามารถระบุตัวผู้ใช้บริการได้
7. ข้อมูลทั่วไป รวมถึงภาพถ่าย ภาพเคลื่อนไหว และหรือเสียง ที่เก็บรวบรวมจากการใช้บริการหรือปรากฏตัวใน พื้นที่ของตลาดฯ (เช่น จากกล้องวงจรปิด) และการเข้าร่วมกิจกรรม การประชุม หรือการจัดงาน ซึ่งอาจมีการ ถ่ายทอดหรือบันทึกภาพและหรือเสียง รวมถึงข้อมูลที่เก็บรวบรวมจากการตอบคำถาม/ให้ข้อมูล/ให้สัมภาษณ์/ แสดงความคิดเห็น การตอบแบบสอบถาม/แบบประเมิน/แบบทดสอบ และการสังเกต ในการรับบริการหรือ ปรากฏตัวในพื้นที่ของตลาดฯ และการเข้าร่วมกิจกรรม การประชุม หรือการจัดงานดังกล่าว

วัตถุประสงค์และฐานทางกฎหมายในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล  

การเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล บริษัท  จะกระทำภายใต้วัตถุประสงค์และเพียงเท่าที่จำเป็นตามกรอบวัตถุประสงค์หรือเพื่อประโยชน์ที่มีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับวัตถุประสงค์ ดังต่อไปนี้


1. วัตถุประสงค์เพื่อการให้บริการ


    (1.1) เพื่อให้การจัดบริการในกิจการตลาดกลางและกิจการอื่น ๆ ตามวัตถุประสงค์ของบริษัท เป็นอย่างมีประสิทธิภาพ เกิดผลดีต่อกิจการ ผู้ใช้บริการ และบุคคลภายนอก
    (1.2) เพื่อการให้บริการระบบ รวมถึงการวิเคราะห์ทิศทางเกี่ยวกับบริการและผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ และการเพิ่มความถูกต้องแม่นยำของชุดข้อมูลธุรกิจของบริษัท ตลอดจนช่วยให้บริษัทสามารถจับคู่ที่อยู่ไอพี (IP Address) กับข้อมูลติดต่อทางธุรกิจได้
    (1.3) เพื่อการวิเคราะห์ข้อมูลหรือพฤติกรรมของผู้ใช้บริการซึ่งรวมถึงผู้ใช้บริการหรือผู้เข้าชมผ่านทางระบบ การจับคู่ข้อมูลธุรกิจจากฐานข้อมูลต่าง ๆ ของบริษัท และข้อมูลที่ได้รับจากบุคคลที่สามเกี่ยวกับข้อมูลดังกล่าว  เพื่อให้ได้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเภทธุรกิจต่าง ๆ ที่เข้าใช้บริการหรือเข้าชมผ่านระบบ และตัวเลือกเบราว์เซอร์ที่นิยมใช้ของธุรกิจดังกล่าวบนระบบ เพื่อปรับปรุงบริการและผลิตภัณฑ์ในระบบ และธุรกิจของบริษัทอย่างต่อเนื่อง
    (1.4) เพื่อการให้หรือขอข้อมูลหรือการสื่อสารหรือติดตามผู้ใช้บริการเกี่ยวกับเงื่อนไขการให้บริการหรือการปฏิบัติตามเงื่อนไขหรือข้อตกลงหรือสัญญาเกี่ยวกับบริการ หรือเพื่อปฏิบัติให้เป็นตามที่กฎหมายกำหนด โดยในกรณีที่เจ้าของข้อมูลต้องให้ข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อปฏิบัติตามกฎหมายหรือสัญญา หรือเพื่อการเข้าทำสัญญา บริษัทจะแจ้งถึงผลกระทบที่เป็นไปได้จากการไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลให้เจ้าของข้อมูลทราบด้วย
    (1.5) บริษัทอาจนำข้อมูลผู้ใช้บริการหรือผู้เข้าชมผ่านระบบทั้งหมดมาใช้กำหนดรูปแบบการใช้งาน หรือความสนใจของผู้ใช้บริการหรือผู้เข้าชมผ่านระบบ เพื่อวัตถุประสงค์อื่นที่เกี่ยวข้องกับการสนับสนุนทางเทคนิคหรือความมั่นคงปลอดภัยของระบบ หรือเพื่อตรวจสอบการใช้บริการและผลิตภัณฑ์ที่ได้รับอนุญาต เพื่อตอบคำถามจากผู้ใช้บริการ เพื่อการวิจัยตลาด และเพื่อปรับปรุงรูปแบบและฟังก์ชันของบริการและผลิตภัณฑ์


2. วัตถุประสงค์ทางการตลาด


บริษัทอาจใช้ข้อมูลที่ได้มาจากการวิเคราะห์ ซึ่งอาจใช้ร่วมกับข้อมูลเชิงพฤติกรรมที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคล ซึ่งได้รับข้อมูลมาจากบุคคลที่สาม เพื่อกำหนดรูปแบบ และปรับปรุงกิจกรรมทางการตลาดโดยทั่วไปของบริษัทให้ดียิ่งขึ้น และในกรณีกฎหมายที่เกี่ยวข้องอนุญาตให้ทำได้ บริษัทอาจเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงเพื่อวัตถุประสงค์ทางการตลาดต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
(2.1) เพื่อรวบรวมการสั่งซื้อหรือการใช้ผลิตภัณฑ์หรือบริการที่มีการเข้าถึงโดยท่าน เพื่อกำหนดประเภทผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ท่านประสงค์ที่จะซื้อหรือใช้บริการ เพื่อปรับปรุงคุณภาพผลิตภัณฑ์หรือบริการ ส่งข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการ และนำเสนอผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ท่านอาจสนใจ รวมถึงการให้คำแนะนำเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการแก่ท่าน
(2.2) เพื่อดำเนินการตามคำสั่งซื้อ ชำระเงิน และการทำธุรกรรมอื่นๆ บนระบบ
(2.3) เพื่อจัดกิจกรรมชิงโชค ของรางวัล แคมเปญ รวมถึงการแข่งขันต่าง ๆ
(2.4) เพื่อส่งโฆษณาประชาสัมพันธ์ คูปอง ข่าวสาร และข้อมูลอื่น ๆ เกี่ยวกับโปรโมชั่น หรือกิจกรรมพิเศษแก่ท่านโดยตรงไปยังท่านบนระบบ โดยท่านอาจเลือกที่จะไม่รับข้อความโฆษณาบางประเภทได้โดยปฏิบัติตามคำแนะนำที่ให้ไว้
(2.5) เพื่อการทำวิจัย หรือวิเคราะห์กลยุทธ์ ในการพัฒนา ปรับปรุง ฟังก์ชันต่าง ๆ ในระบบ
(2.6) เพื่อการติดต่อสื่อสารทางการตลาดที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการจากบริษัท รวมถึงพันธมิตรของบริษัท และการใช้ข้อมูลในเชิงพาณิชย์ที่ไม่ขัดต่อกฎหมาย
(2.7) เพื่อจับคู่กับแหล่งข้อมูลภาครัฐและภาคเอกชน และจัดทำชุดข้อมูลที่ไม่เปิดเผยตัวบุคคล (ข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้ ได้แก่ ข้อมูลประชากร ข้อมูลเชิงพฤติกรรม และข้อมูลทางเทคนิคที่สรุปมาจากข้อมูลพื้นฐาน) เพื่อการใช้ประโยชน์ของบริษัท และ/หรือบุคคลที่สาม


3. วัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาสินค้าและบริการ  


บริษัทอาจทำการประมวลผลข้อมูลเป็นส่วนบุคคลครั้งคราวเกี่ยวกับธุรกรรมออนไลน์และออฟไลน์ และข้อมูลทางทะเบียนสำหรับการวิเคราะห์ข้อมูลภายใน เพื่อวัตถุประสงค์ทางสถิติเท่านั้น ซึ่งจะไม่ถูกรวมอยู่ในผลิตภัณฑ์หรือบริการที่จัดให้แก่ท่าน 


วัตถุประสงค์
ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคล
ฐานทางกฎหมายที่ใช้ (อ้างอิงบทบัญญัติมาตราที่เกี่ยวข้องใน พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562)
1. วัตถุประสงค์เพื่อการให้บริการ
(1.1) เพื่อให้การจัดบริการในกิจการตลาดกลางและกิจการอื่น ๆ ตามวัตถุประสงค์ของบริษัท เป็นอย่างมีประสิทธิภาพ เกิดผลดีต่อกิจการ ผู้ใช้บริการ และบุคคลภายนอก
ข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป
ได้แก่
1. ข้อมูลเลขบัตรประจำตัวประชาชน
2. ข้อมูลการติดต่อของผู้รับบริการ(ชื่อ-นามสกุล, ที่อยู่, เบอร์โทรศัพท์)3.-3. ข้อมูลทะเบียนรถ (เลขทะเบียนรถ, จังหวัด)
ข้อมูลส่วนบุคคลละเอียดอ่อน
ได้แก่ เพศ, ศาสนา (ข้อมูลแรงงาน)
กรณีข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป อ้างอิงมาตรา 24
ห้ามมิให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลทำการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เว้นแต่
(1) เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวกับการจัดทำเอกสารประวัติศาสตร์หรือจดหมายเหตุเพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือที่เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยหรือสถิติซึ่งได้จัดให้มีมาตรการปกป้องที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ ตามที่คณะกรรมการประกาศกำหนด (มาตรา 24 (1))
(2) เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล (มาตรา 24 (2))
(3) เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นคู่สัญญา หรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเข้าทำสัญญานั้น (มาตรา 24 (3))
(4) เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะ ของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล หรือปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อำนาจรัฐที่ได้มอบให้แก่ผู้ควบคุมข้อมูล ส่วนบุคคล (มาตรา 24 (4))
(5) เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล เว้นแต่ประโยชน์ดังกล่าวมีความสำคัญน้อยกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานในข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล (มาตรา 24 (5))
(6) เป็นการปฏิบัติตามกฎหมายของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล (มาตรา 24 (6))
(1.2) เพื่อการเรียกเก็บหรือเบิกจ่ายค่าบริการหรือค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการ และการชำระเงินและธุรกรรมทางการเงินที่เกี่ยวข้องของผู้รับบริการ ข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป
ได้แก่
1. ข้อมูลทั่วไปและข้อมูลทางทะเบียนของผู้รับบริการ
2. ข้อมูลการติดต่อของผู้รับบริการ (ชื่อ-นามสกุล, ที่อยู่, เบอร์โทรศัพท์)
3. สำเนาเอกสารที่จำเป็นต้องใช้เพื่อการ ดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการ
กรณีข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป อ้างอิงมาตรา 24
ห้ามมิให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลทำการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เว้นแต่
(1) เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวกับการจัดทำเอกสารประวัติศาสตร์หรือจดหมายเหตุเพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือที่เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยหรือสถิติซึ่งได้จัดให้มีมาตรการปกป้องที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ ตามที่คณะกรรมการประกาศกำหนด (มาตรา 24 (1))
(2) เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล (มาตรา 24 (2))
(3) เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นคู่สัญญา หรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเข้าทำสัญญานั้น (มาตรา 24 (3))
(4) เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะ ของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล หรือปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อำนาจรัฐที่ได้มอบให้แก่ผู้ควบคุมข้อมูล ส่วนบุคคล (มาตรา 24 (4))
(5) เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล เว้นแต่ประโยชน์ดังกล่าวมีความสำคัญน้อยกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานในข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล (มาตรา 24 (5))
(6) เป็นการปฏิบัติตามกฎหมายของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล (มาตรา 24 (6))
(1.3) เพื่อการให้บริการระบบ รวมถึงการวิเคราะห์ทิศทางเกี่ยวกับบริการและผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ และการเพิ่มความถูกต้องแม่นยำของชุดข้อมูลธุรกิจของบริษัท ตลอดจนช่วยให้บริษัทสามารถจับคู่ที่อยู่ไอพี
(IP Address) กับข้อมูลติดต่อทางธุรกิจได้
ข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป
ได้แก่
1. ข้อมูลบัญชีผู้ใช้งาน
2. ไอพีแอดเดรส
3. ข้อมูล log
4. ข้อมูล Cookies
5.ข้อมูลทะเบียนรถ (เลขทะเบียนรถ, จังหวัด)
6. ข้อมูลการติดต่อของผู้รับบริการ (ชื่อ-นามสกุล, ที่อยู่, เบอร์โทรศัพท์)
กรณีข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป อ้างอิงมาตรา 24
ห้ามมิให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลทำการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เว้นแต่
(1) เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวกับการจัดทำเอกสารประวัติศาสตร์หรือจดหมายเหตุเพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือที่เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยหรือสถิติซึ่งได้จัดให้มีมาตรการปกป้องที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ ตามที่คณะกรรมการประกาศกำหนด (มาตรา 24 (1))
(2) เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล (มาตรา 24 (2))
(3) เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นคู่สัญญา หรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเข้าทำสัญญานั้น (มาตรา 24 (3))
(4) เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะ ของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล หรือปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อำนาจรัฐที่ได้มอบให้แก่ผู้ควบคุมข้อมูล ส่วนบุคคล (มาตรา 24 (4))
(5) เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล เว้นแต่ประโยชน์ดังกล่าวมีความสำคัญน้อยกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานในข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล (มาตรา 24 (5))
(6) เป็นการปฏิบัติตามกฎหมายของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล (มาตรา 24 (6))
(1.4) เพื่อการวิเคราะห์ข้อมูลหรือพฤติกรรมของผู้ใช้บริการซึ่งรวมถึงผู้ใช้บริการหรือผู้เข้าชมผ่านทางระบบ การจับคู่ข้อมูลธุรกิจจากฐานข้อมูลต่าง ๆ ของบริษัท และข้อมูลที่ได้รับจากบุคคลที่สามเกี่ยวกับข้อมูลดังกล่าว เพื่อให้ได้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเภทธุรกิจต่าง ๆ ที่เข้าใช้บริการหรือเข้าชมผ่านระบบ และตัวเลือกเบราว์เซอร์ที่นิยมใช้ของธุรกิจดังกล่าวบนระบบ เพื่อปรับปรุงบริการและผลิตภัณฑ์ในระบบ และธุรกิจของบริษัทอย่างต่อเนื่อง ข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป
ได้แก่
1. บัญชีผู้ใช้งาน
2. ไอพีแอดเดรส
3. ข้อมูล log
4. ข้อมูล Cookies
5. ข้อมูลทะเบียนรถ (เลขทะเบียนรถ, จังหวัด),
6. ข้อมูลการติดต่อของผู้รับบริการ (ชื่อ-นามสกุล, ที่อยู่, เบอร์โทรศัพท์),
7. วัน/เดือน/ปี เกิด
กรณีข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป อ้างอิงมาตรา 24
ห้ามมิให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลทำการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เว้นแต่
(1) เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวกับการจัดทำเอกสารประวัติศาสตร์หรือจดหมายเหตุเพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือที่เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยหรือสถิติซึ่งได้จัดให้มีมาตรการปกป้องที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ ตามที่คณะกรรมการประกาศกำหนด (มาตรา 24 (1))
(2) เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล (มาตรา 24 (2))
(3) เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นคู่สัญญา หรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเข้าทำสัญญานั้น (มาตรา 24 (3))
(4) เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะ ของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล หรือปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อำนาจรัฐที่ได้มอบให้แก่ผู้ควบคุมข้อมูล ส่วนบุคคล (มาตรา 24 (4))
(5) เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล เว้นแต่ประโยชน์ดังกล่าวมีความสำคัญน้อยกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานในข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล (มาตรา 24 (5))
(6) เป็นการปฏิบัติตามกฎหมายของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล (มาตรา 24 (6))
(1.5) เพื่อการให้หรือขอข้อมูลหรือการสื่อสารหรือติดตามผู้ใช้บริการเกี่ยวกับเงื่อนไขการให้บริการหรือการปฏิบัติตามเงื่อนไขหรือข้อตกลงหรือสัญญาเกี่ยวกับบริการ หรือเพื่อปฏิบัติให้เป็นตามที่กฎหมายกำหนด โดยในกรณีที่เจ้าของข้อมูลต้องให้ข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อปฏิบัติตามกฎหมายหรือสัญญา หรือเพื่อการเข้าทำสัญญา บริษัทจะแจ้งถึงผลกระทบที่เป็นไปได้จากการไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลให้เจ้าของข้อมูลทราบด้วย ข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป
ได้แก่ ข้อมูลการติดต่อของผู้รับบริการ (ชื่อ-นามสกุล, ที่อยู่, เบอร์โทรศัพท์)
กรณีข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป อ้างอิงมาตรา 24
ห้ามมิให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลทำการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เว้นแต่
(1) เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวกับการจัดทำเอกสารประวัติศาสตร์หรือจดหมายเหตุเพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือที่เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยหรือสถิติซึ่งได้จัดให้มีมาตรการปกป้องที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ ตามที่คณะกรรมการประกาศกำหนด (มาตรา 24 (1))
(2) เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล (มาตรา 24 (2))
(3) เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นคู่สัญญา หรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเข้าทำสัญญานั้น (มาตรา 24 (3))
(4) เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะ ของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล หรือปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อำนาจรัฐที่ได้มอบให้แก่ผู้ควบคุมข้อมูล ส่วนบุคคล (มาตรา 24 (4))
(5) เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล เว้นแต่ประโยชน์ดังกล่าวมีความสำคัญน้อยกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานในข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล (มาตรา 24 (5))
(6) เป็นการปฏิบัติตามกฎหมายของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล (มาตรา 24 (6))

(1.6) บริษัทอาจนำข้อมูลผู้ใช้บริการหรือผู้เข้าชมผ่านระบบทั้งหมดมาใช้กำหนดรูปแบบการใช้งาน หรือความสนใจของผู้ใช้บริการหรือผู้เข้าชมผ่านระบบ เพื่อวัตถุประสงค์อื่นที่เกี่ยวข้องกับการสนับสนุนทางเทคนิคหรือความมั่นคงปลอดภัยของระบบ หรือเพื่อตรวจสอบการใช้บริการและผลิตภัณฑ์ที่ได้รับอนุญาต เพื่อตอบคำถามจากผู้ใช้บริการ เพื่อการวิจัยตลาด และเพื่อปรับปรุงรูปแบบและฟังก์ชันของบริการและผลิตภัณฑ์ ข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป
ได้แก่
1. บัญชีผู้ใช้งาน
2. ไอพีแอดเดรส
3. ข้อมูล log
4. ข้อมูล Cookies
กรณีข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป อ้างอิงมาตรา 24
ห้ามมิให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลทำการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เว้นแต่
(1) เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวกับการจัดทำเอกสารประวัติศาสตร์หรือจดหมายเหตุเพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือที่เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยหรือสถิติซึ่งได้จัดให้มีมาตรการปกป้องที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ ตามที่คณะกรรมการประกาศกำหนด (มาตรา 24 (1))
(2) เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล (มาตรา 24 (2))
(3) เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นคู่สัญญา หรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเข้าทำสัญญานั้น (มาตรา 24 (3))
(4) เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะ ของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล หรือปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อำนาจรัฐที่ได้มอบให้แก่ผู้ควบคุมข้อมูล ส่วนบุคคล (มาตรา 24 (4))
(5) เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล เว้นแต่ประโยชน์ดังกล่าวมีความสำคัญน้อยกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานในข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล (มาตรา 24 (5))
(6) เป็นการปฏิบัติตามกฎหมายของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล (มาตรา 24 (6))
2. วัตถุประสงค์ทางการตลาด
(2.1) เพื่อรวบรวมการสั่งซื้อหรือการใช้ผลิตภัณฑ์หรือบริการที่มีการเข้าถึงโดยท่าน เพื่อกำหนดประเภทผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ท่านประสงค์ที่จะซื้อหรือใช้บริการ เพื่อปรับปรุงคุณภาพผลิตภัณฑ์หรือบริการ ส่งข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการ และนำเสนอผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ท่านอาจสนใจ รวมถึงการให้คำแนะนำเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการแก่ท่าน
ข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป
ได้แก่
1. ข้อมูลทะเบียนรถ (เลขทะเบียนรถ, จังหวัด),
2. ข้อมูลการติดต่อของผู้รับบริการ (ชื่อ-นามสกุล, ที่อยู่, เบอร์โทรศัพท์)
กรณีข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป อ้างอิงมาตรา 24
ห้ามมิให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลทำการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เว้นแต่
(1) เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวกับการจัดทำเอกสารประวัติศาสตร์หรือจดหมายเหตุเพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือที่เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยหรือสถิติซึ่งได้จัดให้มีมาตรการปกป้องที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ ตามที่คณะกรรมการประกาศกำหนด (มาตรา 24 (1))
(2) เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล (มาตรา 24 (2))
(3) เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นคู่สัญญา หรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเข้าทำสัญญานั้น (มาตรา 24 (3))
(4) เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะ ของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล หรือปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อำนาจรัฐที่ได้มอบให้แก่ผู้ควบคุมข้อมูล ส่วนบุคคล (มาตรา 24 (4))
(5) เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล เว้นแต่ประโยชน์ดังกล่าวมีความสำคัญน้อยกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานในข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล (มาตรา 24 (5))
(6) เป็นการปฏิบัติตามกฎหมายของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล (มาตรา 24 (6))
(2.2) เพื่อดำเนินการตามคำสั่งซื้อ ชำระเงิน และการทำธุรกรรมอื่นๆ บนระบบ ข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป
ได้แก่
1. ข้อมูลทั่วไปและข้อมูลทางทะเบียนของผู้รับบริการ
2. ข้อมูลการติดต่อของผู้รับบริการ (ชื่อ-นามสกุล, ที่อยู่, เบอร์โทรศัพท์)
3. สำเนาเอกสารที่จำเป็นต้องใช้เพื่อการ ดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการ
กรณีข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป อ้างอิงมาตรา 24
ห้ามมิให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลทำการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เว้นแต่
(1) เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวกับการจัดทำเอกสารประวัติศาสตร์หรือจดหมายเหตุเพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือที่เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยหรือสถิติซึ่งได้จัดให้มีมาตรการปกป้องที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ ตามที่คณะกรรมการประกาศกำหนด (มาตรา 24 (1))
(2) เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล (มาตรา 24 (2))
(3) เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นคู่สัญญา หรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเข้าทำสัญญานั้น (มาตรา 24 (3))
(4) เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะ ของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล หรือปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อำนาจรัฐที่ได้มอบให้แก่ผู้ควบคุมข้อมูล ส่วนบุคคล (มาตรา 24 (4))
(5) เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล เว้นแต่ประโยชน์ดังกล่าวมีความสำคัญน้อยกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานในข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล (มาตรา 24 (5))
(6) เป็นการปฏิบัติตามกฎหมายของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล (มาตรา 24 (6))
(2.3) เพื่อจัดกิจกรรมชิงโชค ของรางวัล แคมเปญ รวมถึงการแข่งขันต่าง ๆ ข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป
ได้แก่ ข้อมูลการติดต่อของผู้รับบริการ (ชื่อ-นามสกุล, ที่อยู่, เบอร์โทรศัพท์)
กรณีข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป อ้างอิงมาตรา 24
ห้ามมิให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลทำการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เว้นแต่
(1) เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวกับการจัดทำเอกสารประวัติศาสตร์หรือจดหมายเหตุเพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือที่เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยหรือสถิติซึ่งได้จัดให้มีมาตรการปกป้องที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ ตามที่คณะกรรมการประกาศกำหนด (มาตรา 24 (1))
(2) เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล (มาตรา 24 (2))
(3) เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นคู่สัญญา หรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเข้าทำสัญญานั้น (มาตรา 24 (3))
(4) เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะ ของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล หรือปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อำนาจรัฐที่ได้มอบให้แก่ผู้ควบคุมข้อมูล ส่วนบุคคล (มาตรา 24 (4))
(5) เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล เว้นแต่ประโยชน์ดังกล่าวมีความสำคัญน้อยกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานในข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล (มาตรา 24 (5))
(6) เป็นการปฏิบัติตามกฎหมายของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล (มาตรา 24 (6))
(2.4) เพื่อส่งโฆษณาประชาสัมพันธ์ คูปอง ข่าวสาร และข้อมูลอื่น ๆ เกี่ยวกับโปรโมชั่น หรือกิจกรรมพิเศษแก่ท่านโดยตรงไปยังท่านบนระบบ โดยท่านอาจเลือกที่จะไม่รับข้อความโฆษณาบางประเภทได้โดยปฏิบัติตามคำแนะนำที่ให้ไว้ ข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป
ได้แก่ ข้อมูลการติดต่อของผู้รับบริการ (ชื่อ-นามสกุล, ที่อยู่, เบอร์โทรศัพท์)
กรณีข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป อ้างอิงมาตรา 24
ห้ามมิให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลทำการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เว้นแต่
(1) เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวกับการจัดทำเอกสารประวัติศาสตร์หรือจดหมายเหตุเพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือที่เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยหรือสถิติซึ่งได้จัดให้มีมาตรการปกป้องที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ ตามที่คณะกรรมการประกาศกำหนด (มาตรา 24 (1))
(2) เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล (มาตรา 24 (2))
(3) เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นคู่สัญญา หรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเข้าทำสัญญานั้น (มาตรา 24 (3))
(4) เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะ ของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล หรือปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อำนาจรัฐที่ได้มอบให้แก่ผู้ควบคุมข้อมูล ส่วนบุคคล (มาตรา 24 (4))
(5) เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล เว้นแต่ประโยชน์ดังกล่าวมีความสำคัญน้อยกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานในข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล (มาตรา 24 (5))
(6) เป็นการปฏิบัติตามกฎหมายของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล (มาตรา 24 (6))
(2.5) เพื่อการทำวิจัย หรือวิเคราะห์กลยุทธ์ ในการพัฒนา ปรับปรุง ฟังก์ชันต่าง ๆ ในระบบ ข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป
ได้แก่ ข้อมูลการติดต่อของผู้รับบริการ (ชื่อ-นามสกุล, ที่อยู่, เบอร์โทรศัพท์)
กรณีข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป อ้างอิงมาตรา 24
ห้ามมิให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลทำการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เว้นแต่
(1) เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวกับการจัดทำเอกสารประวัติศาสตร์หรือจดหมายเหตุเพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือที่เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยหรือสถิติซึ่งได้จัดให้มีมาตรการปกป้องที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ ตามที่คณะกรรมการประกาศกำหนด (มาตรา 24 (1))
(2) เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล (มาตรา 24 (2))
(3) เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นคู่สัญญา หรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเข้าทำสัญญานั้น (มาตรา 24 (3))
(4) เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะ ของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล หรือปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อำนาจรัฐที่ได้มอบให้แก่ผู้ควบคุมข้อมูล ส่วนบุคคล (มาตรา 24 (4))
(5) เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล เว้นแต่ประโยชน์ดังกล่าวมีความสำคัญน้อยกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานในข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล (มาตรา 24 (5))
(6) เป็นการปฏิบัติตามกฎหมายของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล (มาตรา 24 (6))
(2.6) เพื่อการติดต่อสื่อสารทางการตลาดที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการจากบริษัท รวมถึงพันธมิตรของบริษัท และการใช้ข้อมูลในเชิงพาณิชย์ที่ไม่ขัดต่อกฎหมาย ข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป
ได้แก่ ข้อมูลการติดต่อของผู้รับบริการ (ชื่อ-นามสกุล, ที่อยู่, เบอร์โทรศัพท์)
กรณีข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป อ้างอิงมาตรา 24
ห้ามมิให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลทำการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เว้นแต่
(1) เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวกับการจัดทำเอกสารประวัติศาสตร์หรือจดหมายเหตุเพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือที่เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยหรือสถิติซึ่งได้จัดให้มีมาตรการปกป้องที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ ตามที่คณะกรรมการประกาศกำหนด (มาตรา 24 (1))
(2) เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล (มาตรา 24 (2))
(3) เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นคู่สัญญา หรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเข้าทำสัญญานั้น (มาตรา 24 (3))
(4) เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะ ของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล หรือปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อำนาจรัฐที่ได้มอบให้แก่ผู้ควบคุมข้อมูล ส่วนบุคคล (มาตรา 24 (4))
(5) เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล เว้นแต่ประโยชน์ดังกล่าวมีความสำคัญน้อยกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานในข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล (มาตรา 24 (5))
(6) เป็นการปฏิบัติตามกฎหมายของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล (มาตรา 24 (6))
(2.7) เพื่อจับคู่กับแหล่งข้อมูลภาครัฐและภาคเอกชน และจัดทำชุดข้อมูลที่ไม่เปิดเผยตัวบุคคล (ข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้ ได้แก่ ข้อมูลประชากร ข้อมูลเชิงพฤติกรรม และข้อมูลทางเทคนิคที่สรุปมาจากข้อมูลพื้นฐาน) เพื่อการใช้ประโยชน์ของบริษัท และ/หรือบุคคลที่สาม ข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป
ได้แก่ ข้อมูลการติดต่อของผู้รับบริการ (ชื่อ-นามสกุล, ที่อยู่, เบอร์โทรศัพท์)
กรณีข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป อ้างอิงมาตรา 24
ห้ามมิให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลทำการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เว้นแต่
(1) เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวกับการจัดทำเอกสารประวัติศาสตร์หรือจดหมายเหตุเพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือที่เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยหรือสถิติซึ่งได้จัดให้มีมาตรการปกป้องที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ ตามที่คณะกรรมการประกาศกำหนด (มาตรา 24 (1))
(2) เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล (มาตรา 24 (2))
(3) เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นคู่สัญญา หรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเข้าทำสัญญานั้น (มาตรา 24 (3))
(4) เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะ ของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล หรือปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อำนาจรัฐที่ได้มอบให้แก่ผู้ควบคุมข้อมูล ส่วนบุคคล (มาตรา 24 (4))
(5) เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล เว้นแต่ประโยชน์ดังกล่าวมีความสำคัญน้อยกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานในข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล (มาตรา 24 (5))
(6) เป็นการปฏิบัติตามกฎหมายของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล (มาตรา 24 (6))
3. วัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาสินค้าและบริการ
บริษัทอาจทำการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเป็นครั้งคราวเกี่ยวกับธุรกรรมออนไลน์และออฟไลน์ และข้อมูลทางทะเบียนสำหรับการวิเคราะห์ข้อมูลภายใน เพื่อวัตถุประสงค์ทางสถิติเท่านั้น ซึ่งจะไม่ถูกรวมอยู่ในผลิตภัณฑ์หรือบริการที่จัดให้แก่ท่าน
ข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป
ได้แก่ ข้อมูลการติดต่อของผู้รับบริการ (ชื่อ-นามสกุล, ที่อยู่, เบอร์โทรศัพท์)
กรณีข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป อ้างอิงมาตรา 24
ห้ามมิให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลทำการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เว้นแต่
(1) เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวกับการจัดทำเอกสารประวัติศาสตร์หรือจดหมายเหตุเพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือที่เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยหรือสถิติซึ่งได้จัดให้มีมาตรการปกป้องที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ ตามที่คณะกรรมการประกาศกำหนด (มาตรา 24 (1))
(2) เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล (มาตรา 24 (2))
(3) เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นคู่สัญญา หรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเข้าทำสัญญานั้น (มาตรา 24 (3))
(4) เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะ ของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล หรือปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อำนาจรัฐที่ได้มอบให้แก่ผู้ควบคุมข้อมูล ส่วนบุคคล (มาตรา 24 (4))
(5) เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล เว้นแต่ประโยชน์ดังกล่าวมีความสำคัญน้อยกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานในข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล (มาตรา 24 (5))
(6) เป็นการปฏิบัติตามกฎหมายของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล (มาตรา 24 (6))

ขอบเขตการบังคับใช้

ประกาศนี้ใช้สำหรับผู้ใช้บริการของบริษัทและหรือบุคคลผู้มีความสัมพันธ์กับบริษัท ทั้งในปัจจุบันและที่อาจมีในอนาคต ซึ่งจะถูกทำการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผย รวมถึงประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล โดยบริษัท เจ้าหน้าที่ พนักงานตามสัญญา หน่วยธุรกิจหรือหน่วยงานรูปแบบอื่นที่ดำเนินการโดยบริษัท และรวมถึงคู่สัญญาหรือบุคคลภายนอกที่ทำหน้าที่เป็นผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลแทนหรือในนามของบริษัท ภายใต้การให้บริการของบริษัท
นอกจากประกาศนี้แล้ว บริษัทอาจกำหนดให้มีคำประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว สำหรับผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัท เพื่อชี้แจงให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งเป็นผู้ใช้บริการได้ทราบถึงข้อมูลส่วนบุคคลที่จะถูกเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผย รวมถึงประมวลผล วัตถุประสงค์และเหตุผลอันชอบด้วยกฎหมายในการดำเนินการดังกล่าว ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงสิทธิในข้อมูลส่วนบุคคลที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลพึงมีในบริการนั้นเป็นการเฉพาะเจาะจง  
ทั้งนี้ ในกรณีที่มีความขัดแย้งกันในสาระสำคัญระหว่างความในประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวและนโยบายนี้ ให้ถือตามความในประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวของบริการนั้น  
วิธีการและแหล่งข้อมูลที่บริษัทใช้ในการเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูล
บริษัทจะเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูล โดยวิธีการใดวิธีการหนึ่งดังต่อไปนี้


1. ให้ความยินยอมผ่านระบบที่บริษัทมีอยู่ หรือที่บริษัทอาจเป็นเจ้าของทั้งในปัจจุบันและอนาคต ซึ่งรวมทั้งบริการออนไลน์ของบริษัท นอกเหนือจากข้างต้นท่านอาจติดต่อกับบริษัทผ่านช่องทางอื่น ๆ ซึ่งท่านอาจให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านกับบริษัทได้ ดังตัวอย่างต่อไปนี้
    (1.1) การลงทะเบียนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเมื่อมีการเปิดบัญชีลูกค้าใหม่หรือบัญชีคู่ค้าทางธุรกิจของท่านเพื่อรับบริการจากบริษัท
    (1.2) การติดต่อบริษัทผ่านตัวแทนของบริษัทหรือคู่ค้าทางธุรกิจของบริษัทผ่านช่องทางออนไลน์หรือโดยตรง
    (1.3) การสมัครรับโฆษณาหรือข่าวสารการตลาดของบริษัท หรือเข้าร่วมในแคมเปญ การตลาดใด ๆ
    (1.4) การเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ของบริษัท เช่น การถ่ายภาพในระหว่างการสัมมนา หรือเข้ามาในบริเวณที่ทำการบริษัท หรือในกิจกรรมประชาสัมพันธ์อื่น ๆ
    (1.5) การรวบรวมหรือได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ท่านเผยแพร่สู่สาธารณะ รวมถึงผ่านโซเชียลมีเดีย
    (1.6)  การเยี่ยมชมสำนักงาน พื้นที่ไซต์งาน หรือระบบใด ๆ ของบริษัท
2. แบบคำขอใช้บริการ หรือขั้นตอนการยื่นคำร้องขอใช้สิทธิต่าง ๆ
3. การทำแบบสอบถาม หรือการโต้ตอบทางอีเมล
4. ทางข้อความสั้น (SMS)
5. ช่องทางการสื่อสารอื่นๆ ระหว่างเจ้าของข้อมูลกับบริษัทตามแบบวิธีของบริษัท
6. บริษัทมีประกาศความเป็นส่วนตัวคุกกี้ ตามที่บริษัทกำหนด  
7. ข้อมูลส่วนบุคคลที่ทางบริษัทจัดเก็บบางส่วนอาจมีลักษณะเป็นข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว โดยจะแจ้งขอความยินยอมโดยชัดแจ้ง เป็นต้นว่า เชื้อชาติ สถานะการสมรส ความเชื่อทางศาสนา ข้อมูลด้านสุขภาพ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสหภาพแรงงาน เป็นต้น ซึ่งบริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลเหล่านี้ เมื่อจำเป็นในการปฏิบัติตามกฎหมาย และระเบียบ
8. กรณีที่เจ้าของข้อมูลให้ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง (เช่น คู่สมรส สมาชิกในครอบครัวหรือเพื่อน) แก่บริษัท ตัวอย่างเช่น อาจระบุเป็นที่อยู่ติดต่อฉุกเฉิน เจ้าของข้อมูลจะต้องรับรองและรับประกันว่า เจ้าของข้อมูลได้รับความยินยอมให้มีการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว หรือมีฐานทางกฎหมายให้สามารถเก็บรวบรวมได้ตามวัตถุประสงค์และความจำเป็น
9. บริษัทอาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากบุคคลภายนอก ในกรณีต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
    (9.1) หากท่านเลือกที่จะโต้ตอบกับเนื้อหาหรือโฆษณาของบุคคลที่สามใด ๆ บนเว็บไซต์หรือในแอปพลิเคชัน
    (9.2) บุคคลที่สามที่มอบข้อมูลส่วนบุคคลให้บริษัท เช่น หน่วยงานสินเชื่อ ศาล หรือหน่วยงานของรัฐ เป็นต้น
    (9.3) การสร้างข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับท่าน เช่น บันทึกการสื่อสารระหว่างท่านกับบริษัท รวมถึงการเข้าร่วมกิจกรรมหรือการสัมภาษณ์ ทั้งนี้ บริษัทอาจบันทึกการสนทนาทางโทรศัพท์ การประชุม และการสนทนาอื่น ๆ ที่ท่านสื่อสารกับบริษัทตามที่กฎหมายกำหนด
    (9.4) ในกรณีที่บริษัทได้รับความยินยอมจากท่าน หรือในกรณีที่กฎหมายบังคับหรืออนุญาตให้ทำได้

การใช้หรือการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

การใช้หรือการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์หรือเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์ของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับวัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวมและประมวลผล ทั้งนี้ บริษัทอาจมีความจำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูล โดยส่ง โอนหรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลไปยังบุคคล หรือหน่วยงานภายนอก เพื่อปฏิบัติตามกฎหมายเท่าที่จำเป็น เช่น กระทรวงแรงงาน กรมสรรพากร สำนักงานประกันสังคม กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เจ้าหน้าที่ของหน่วยงานรัฐที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย หรือหน่วยงานด้านความมั่นคง เป็นต้น
 การใช้ การแบ่งปัน การถ่ายโอน ข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทอาจใช้ข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึง แบ่งปัน ถ่ายโอน ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านหรือข้อมูลอื่นๆ เกี่ยวกับท่านที่บริษัทจัดเก็บในปัจจุบัน และที่จะได้จัดเก็บในอนาคต ให้แก่ผู้รับข้อมูลทั้งที่เป็นบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์หรือเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์ที่มีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับวัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวมและประมวลผล ภายในขอบเขตตามที่ระบุไว้ ดังนี้


1. บริษัทมีการแบ่งปันข้อมูลให้แก่ผู้รับข้อมูล เพื่อสนับสนุนการดำเนินธุรกิจของบริษัท โดยบริษัทจะกำหนดเงื่อนไขตามสัญญาให้ผู้รับข้อมูลดังกล่าวใช้ข้อมูลตามวัตถุประสงค์สำหรับการเปิดเผยเท่านั้น และผู้รับข้อมูลจะต้องทำลาย หรือส่งข้อมูลดังกล่าวคืนเมื่อไม่มีความจำเป็นต้องใช้ข้อมูลดังกล่าวอีกต่อไป
2. บริษัทอาจปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การโอนข้อมูลระหว่างประเทศ โดยเข้าทำข้อสัญญามาตรฐานหรือใช้กลไกอื่นที่พึงมีตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลที่ใช้บังคับ และบริษัทอาจอาศัยสัญญาการโอนข้อมูล หรือกลไกอื่นที่ได้รับการอนุมัติ เพื่อการโอนข้อมูลส่วนบุคคลทั่วโลก
ในกรณีที่ประเทศปลายทางหรือองค์การระหว่างประเทศที่รับข้อมูลส่วนบุคคลมีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วน บุคคลไม่เพียงพอ บริษัทฯ จะพิจารณาว่าการดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เช่น เป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็น คู่สัญญาหรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเข้าทำสัญญานั้น เป็นการกระทำตาม สัญญาระหว่างบริษัทฯ กับบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นเพื่อประโยชน์ของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อป้องกันหรือระงับอันตราย ต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลหรือบุคคลอื่น หรือเป็นการจำเป็นเพื่อการดำเนินภารกิจเพื่อ ประโยชน์สาธารณะที่สำคัญ ซึ่งได้รับยกเว้นมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอตามมาตรา 28 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หรือหากไม่เข้าขอยกเว้นดังกล่าว บริษัทฯ จะขอความยินยอม จากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลโดยจะแจ้งให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบถึงมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่เพียงพอของประเทศปลายทางหรือองค์การระหว่างประเทศที่รับข้อมูลส่วนบุคคล
3. บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่ผู้รับข้อมูล ซึ่งรวมถึงคู่ค้า บุคคลภายนอกที่บริษัทให้บริการ หรือในนามของบริษัท รวมถึงการปฏิบัติตามคำสั่งซื้อของท่าน การประมวลผลการชำระเงิน การวิเคราะห์ข้อมูล การจัดโปรโมชั่น การแข่งขัน การจับรางวัลและการชิงโชค การทำวิจัยและวิเคราะห์ทางการตลาด หรือการสำรวจความพึงพอใจของท่าน และวัตถุประสงค์อื่น ๆ ตามที่ระบุในประกาศความเป็นส่วนตัวนี้   ซึ่งผู้รับข้อมูลดังต่อไปนี้มีหน้าที่ในการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเช่นเดียวกันกับบริษัท
    (3.1) ผู้ให้บริการหรือผู้รับจ้างที่ทำหน้าที่เป็นผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลในนามของบริษัท
    (3.2) ลูกจ้าง ที่ปรึกษา ผู้รับจ้างของบริษัท หรือผู้ให้บริการใด ๆ แก่บริษัท ที่มีหน้าที่ในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล หรือสนับสนุน ช่วยเหลือ การดำเนินงานเกี่ยวกับกิจการของบริษัท
    (3.3) ลูกค้าหรือผู้ใช้งานที่สามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวมจากแหล่งข้อมูลสาธารณะ และข้อมูลได้รับจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลแต่ละราย
    (3.4) คู่ค้าในเครือข่ายทั่วโลก และพันธมิตรทางธุรกิจของบริษัท (Business Partners) ที่นำข้อมูลของบริษัท ไปใช้เป็นส่วนหนึ่งของการให้บริการ
    (3.5) ผู้ตรวจสอบบัญชี ทนายความ และที่ปรึกษาด้านต่าง ๆ ของบริษัท
    (3.6) หน่วยงานราชการ รวมถึงหน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจในการขอข้อมูลส่วนบุคคล เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานอัยการ ศาล เจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีอำนาจในการขอข้อมูลส่วนบุคคล พนักงานสอบสวน อัยการ เป็นต้น
    (3.7) บุคคลที่สามที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ขอให้บริษัทแบ่งปันข้อมูลให้

 การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านหรือข้อมูลอื่นๆ เกี่ยวกับท่านที่บริษัทจัดเก็บในปัจจุบัน และที่จะได้จัดเก็บในอนาคต ให้แก่ผู้รับข้อมูลทั้งที่เป็นบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์หรือเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์ที่มีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับวัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวมและประมวลผล ภายในขอบเขตตามที่ระบุไว้ ดังนี้
1. บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลตามที่ได้รับการร้องขอ ตามความเหมาะสม และเป็นไปตามกฎหมาย ในกรณีที่บริษัทถูกซื้อหรือถูกเข้าควบคุมกิจการ หรือขายกิจการบางส่วนหรือทั้งหมด โดยข้อมูลที่บริษัทเก็บรวบรวมไว้จะถือเป็นสินทรัพย์หรือสิทธิที่สามารถโอนให้แก่ผู้ซื้อกิจการหรือผู้เข้าควบคุมกิจการได้
2. บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลของท่าน ภายใต้หลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด ตามคำสั่งศาล หมายศาล กระบวนการบังคับใช้กฎหมาย การไต่สวนโดยหน่วยงานกำกับดูแล หรือกรณีอื่นตามที่กฎหมายกำหนดได้ นอกจากนี้ บริษัทอาจได้รับคำร้องขอ อาทิ คำสั่งศาล หมายศาล กระบวนการบังคับใช้กฎหมาย จากหน่วยงานราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือหน่วยงานที่มีหน้าที่กำกับดูแลการให้บริการ และในกรณีที่มีการร้องขอให้เปิดเผยข้อมูลโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมาย คำสั่ง แนวทาง หรือการร้องขอใดๆ จากหน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจตามกฎหมาย หรือเป็นการร้องขอจากหน่วยงานที่มีความเกี่ยวข้องกับกระบวนการทางกฎหมาย รวมถึงในกรณีที่มีความจำเป็นตามสมควรในการบังคับใช้ข้อตกลงและเงื่อนไขการใช้ของบริษัท โดยไม่มีการขออนุญาตจากท่าน เพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย หรือการบังคับใช้กฎหมาย ในการดำเนินการตามคำร้องขอดังกล่าว บริษัทจะดำเนินการ (ก) เพียงเท่าที่จำเป็นเพื่อการรักษาความมั่นคงแห่งชาติ ประโยชน์สาธารณะ หรือการบังคับใช้กฎหมาย หรือ (ข) ตามกฎหมาย กฎระเบียบของทางราชการ หรือคำพิพากษาคดีที่กำหนดหน้าที่หรือการอนุญาตไว้โดยชัดแจ้ง

ระยะเวลาการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นระยะเวลาเท่าที่จำเป็นเพื่อวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งได้ระบุไว้ในประกาศความเป็นส่วนตัวนี้หรือวัตถุประสงค์ภายในของบริษัท ในระยะเวลาที่บริษัทยังมีความสัมพันธ์กับท่าน และอาจเก็บต่อไปตามระยะเวลาที่จำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายหรือตามอายุความทางกฎหมาย เพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามกฎหมายหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือเพื่อการอื่นใดโดยปฏิบัติภายใต้กฎหมาย

สำหรับข้อมูลทางการเงิน เช่น ข้อมูลประวัติค่าบริการหรือค่าใช้จ่าย ข้อมูลธุรกรรมทางการเงินในการตรวจสอบ สิทธิและการชำระค่าบริการหรือค่าใช้จ่าย ข้อมูลการให้บริการสังคมสงเคราะห์ที่เกี่ยวกับค่าบริการหรือค่าใช้จ่าย บริษัทฯ จะเก็บรวบรวมไว้เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 10 ปี ตามมาตรฐานการเก็บรักษาข้อมูลทางการเงินที่เป็นที่ยอมรับ  

ในส่วนของข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ที่บริษัทฯเก็บรวบรวมจากการเข้าถึงและการใช้งานระบบสารสนเทศ ระบบคอมพิวเตอร์ แอปพลิเคชัน และเว็บไซต์ ที่บริษัทฯ ให้บริการแก่ผู้ใช้บริการ เช่น “SMM Car Services” mobile application เป็นต้น นั้น กฎหมายว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์กำหนดให้ผู้ให้บริการต้องเก็บรักษาไว้ ไม่น้อยกว่า 90 วันนับแต่วันที่ข้อมูลนั้นเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ แต่ในกรณีจำเป็น พนักงานเจ้าหน้าที่จะสั่งให้ผู้ให้บริการ ผู้ใดเก็บรักษาข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ไว้เกิน 90 วันแต่ไม่เกิน 2 ปีเป็นกรณีพิเศษเฉพาะรายและเฉพาะคราวก็ได้ ดังนั้น บริษัทฯ จะเก็บรวบรวมข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ดังกล่าวไว้เป็นระยะเวลาไม่เกิน 2 ปีเว้นแต่กรณีที่บริษัทฯ อาจ ต้องใช้ข้อมูลดังกล่าวเพื่อการตรวจสอบ พิสูจน์ บริหารจัดการความเสี่ยง วางแผน แก้ไขปัญหาที่เกี่ยวกับภัยคุกคามทาง ไซเบอร์หรือความเสี่ยงของระบบสารสนเทศ หรือใช้เป็นพยานหลักฐาน บริษัทฯ อาจเก็บรวบรวมข้อมูลดังกล่าวไว้เป็น ระยะเวลาเท่าที่จำเป็นแต่ไม่เกินระยะเวลาตามอายุความของคดีที่อาจเกี่ยวข้องที่มีอายุความสูงสุด

สำหรับข้อมูลตลอดจนภาพและหรือเสียง ที่เก็บรวบรวมจากการให้บริการหรือปรากฏตัวในพื้นที่ของตลาดสี่มุมเมือง (เช่น จากกล้องวงจรปิด) บริษัทฯ จะเก็บรวบรวมไว้เป็นระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือนนับจากวันที่เก็บรวบรวม เว้นแต่กรณีที่ บริษัทฯ อาจต้องใช้ข้อมูลดังกล่าวเพื่อการตรวจสอบ พิสูจน์ บริหารจัดการความเสี่ยง วางแผน แก้ไขปัญหาที่เกี่ยวกับการ กระทำความผิด การป้องกันเหตุที่ไม่พึงประสงค์ หรือใช้เป็นพยานหลักฐาน บริษัทฯ อาจเก็บรวบรวมข้อมูลดังกล่าวไว้เป็น ระยะเวลาเท่าที่จำเป็นแต่ไม่เกินระยะเวลาตามอายุความของคดีที่อาจเกี่ยวข้องที่มีอายุความสูงสุด

ส่วนข้อมูลที่เก็บรวบรวมจากการเข้าร่วมกิจกรรม การประชุม หรือการจัดงาน บริษัทฯ จะเก็บรวบรวมไว้เพื่อเป็น ข้อมูลอ้างอิง เพื่อการประชาสัมพันธ์ หรือเพื่อการตรวจสอบหรือเป็นพยานหลักฐานในกรณีจำเป็น เป็นระยะเวลาไม่เกิน 10 ปี (เนื่องจากบางกรณีอาจมีการใช้งบประมาณในการจัดกิจกรรม การประชุม หรือการจัดงาน จึงอาจต้องเก็บไว้อ้างอิง ตามมาตรฐานการเก็บรักษาข้อมูลทางการเงินที่เป็นที่ยอมรับ) เว้นแต่กรณีที่บริษัทฯ อาจต้องใช้ข้อมูลดังกล่าวเพื่อการ ตรวจสอบ พิสูจน์ บริหารจัดการความเสี่ยง วางแผน แก้ไขปัญหาที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด การป้องกันเหตุที่ไม่พึง ประสงค์ หรือใช้เป็นพยานหลักฐาน บริษัทฯ อาจเก็บรวบรวมข้อมูลดังกล่าวไว้เป็นระยะเวลาเท่าที่จำเป็นแต่ไม่เกิน ระยะเวลาตามอายุความของคดีที่อาจเกี่ยวข้องที่มีอายุความสูงสุด หรือกรณีที่ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวมีคุณค่าทาง ประวัติศาสตร์หรือจดหมายเหตุ หรือเป็นกรณีที่ควรเก็บรวบรวมไว้เป็นเวลานานเพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือเป็นกรณีที่ ไม่มีความเสี่ยงที่จะมีผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล คณะฯ อาจเก็บรวบรวมไว้ตลอดไป

กรณีที่ไม่สามารถระบุระยะเวลาการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลได้ชัดเจน บริษัทฯ จะเก็บรักษาข้อมูลไว้ตามระยะเวลาที่อาจคาดหมายได้ตามมาตรฐานของการเก็บรวบรวม เช่น อายุความตามกฎหมายทั่วไปสูงสุด 10 ปี นับแต่สิ้นสถานะความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทกับท่าน ซึ่งเป็นสาเหตุหรือที่มาของการเก็บรวมรวมและประมวลผลข้อมูล

สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

ภายใต้พระราชบัญญัติ บริษัทจะดำเนินการรองรับเรื่องสิทธิของท่านเพื่อเป็นการคุ้มครองสิทธิตามกฎหมาย ดังนี้

1. สิทธิในการเข้าถึง
ท่านมีสิทธิในการเข้าถึงและรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทมีเกี่ยวกับตัวท่าน หรือท่านอาจขอให้บริษัทเปิดเผยแหล่งที่มาของบริษัทที่ได้รับข้อมูลของท่านซึ่งท่านไม่ได้ให้ความยินยอม ตามมาตรา 30 วรรคหนึ่ง แห่ง พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (Right of Access) บริษัทจะไม่สามารถให้การเข้าถึงดังกล่าวแก่ท่านได้ หากต้องห้ามโดยกฎหมายหรือคำสั่งศาล และหากการเข้าถึงดังกล่าวจะทำให้สิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่นลดลง
2. สิทธิในการโอนย้ายข้อมูล
ท่านมีสิทธิที่จะขอให้บริษัทถ่ายโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังบุคคล/องค์กรอื่น หรือขอดูข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทถ่ายโอนไปยังบุคคลหรือองค์กรอื่น เว้นแต่จะดำเนินการไม่ได้ด้วยเหตุผลทางเทคนิค
3. สิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
ท่านมีสิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเมื่อใดก็ได้ Fโดยเป็นไปตามมาตรา 32 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (Right to Object)
4. สิทธิในการลบ
ท่านมีสิทธิที่จะขอดำเนินการลบหรือทำลายหรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ตามมาตรา 33 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (Right to Erasure or Right to Be Forgotten) ในกรณีต่อไปนี้
    (4.1) ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นไม่มีความจำเป็นตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยอีกต่อไป
    (4.2) ท่านได้ถอนความยินยอมของท่านที่ให้มีการเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยแล้ว
    (4.3) ท่านได้คัดค้านการเก็บรวบรวม การใช้หรือการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล และบริษัทไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธคำขอดังกล่าว
    (4.4) เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลถูกเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยอย่างผิดกฎหมายภายใต้พระราชบัญญัติ
    (4.5) กรณีอื่น ๆ ตามที่กฎหมายกำหนด ทั้งนี้ บริษัทเคารพสิทธิของท่านและบริษัทจะลบข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เว้นแต่บริษัทจะเห็นว่าจำเป็นที่จะต้องเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวไว้
5.  สิทธิในการระงับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล  
ท่านมีสิทธิที่จะขอให้บริษัทระงับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ตามมาตรา 34 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูล ส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (Right to Restriction of Processing) ในกรณี ดังต่อไปนี้
    (5.1) อยู่ภายใต้กระบวนการตรวจสอบที่รอการตรวจสอบว่าข้อมูลส่วนบุคคลนั้นถูกต้อง เป็นปัจจุบันและครบถ้วนหรือไม่
    (5.2) เป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ควรถูกลบหรือทำลาย   เนื่องจากไม่เป็นไปตามกฎหมายและท่านขอจำกัดการใช้งานแทน
    (5.3) ข้อมูลส่วนบุคคลไม่จำเป็นต้องเก็บรักษาตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยอีกต่อไปตามวัตถุประสงค์ แต่ท่านยังมีความจำเป็นที่จะต้องเก็บรักษาเพื่อวัตถุประสงค์ในการใช้สิทธิเรียกร้องทางกฎหมายหรือการปกป้องสิทธิในการเรียกร้องทางกฎหมาย
    (5.4) บริษัทกำลังพิจารณาคำขอของท่านซึ่งคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
6. สิทธิในการถอนความยินยอม
ท่านมีสิทธิ์ในการถอนความยินยอมเมื่อใดก็ได้ เว้นแต่จะเป็นการขัดต่อประกาศของบริษัทหลังจากความยินยอมถูกถอนแล้ว บริษัทจะหยุดการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเว้นแต่จะมีฐานทางกฎหมายอื่น ๆ ที่บริษัทสามารถประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลได้  
7. สิทธิในการแก้ไข
ท่านมีสิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่ถูกต้องเพื่อให้ถูกต้องเป็นปัจจุบัน ครบถ้วนและไม่ทำให้เกิดความเข้าใจผิดในระหว่างที่ท่านยังคงใช้บริการ หรือมีความสัมพันธ์ในทางธุรกิจอย่างใดอย่างหนึ่งกับบริษัท หากข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านให้ไว้มีการเปลี่ยนแปลง ท่านต้องแจ้งให้บริษัททราบถึงการเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ไว้ เพื่อให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกต้อง และเป็นปัจจุบัน หากข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไม่ถูกต้อง บริษัทจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียหรือความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นอันเป็นผลมาจากการไม่แจ้งการเปลี่ยนแปลง หรือแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อบริษัทให้ถูกต้อง อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่บริษัทปฏิเสธคำขอของท่าน บริษัทจะบันทึกการปฏิเสธดังกล่าวพร้อมระบุเหตุผล
8.   สิทธิในการยื่นเรื่องร้องเรียน
ท่านมีสิทธิ์ในการร้องเรียนต่อคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญ ในกรณีที่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล รวมทั้งลูกจ้างหรือผู้รับจ้างของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติหรือประกาศที่ออกตาม พระราชบัญญัติตามมาตรา 73 พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ทั้งนี้ผู้ร้องเรียนต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตามระเบียบที่กำหนดไว้ และไม่เป็นเรื่องร้องเรียนที่ระเบียบนั้นได้กำหนดไม่ให้รับไว้พิจารณา
9. สิทธิในการถอนความยินยอม


เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่ให้ความยินยอม จะถอนความยินยอมเสียเมื่อใดก็ได้ ตามมาตรา 19 วรรคห้า แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ทั้งนี้ ไม่ส่งผลกระทบต่อการเก็บรวบรวม ใช้ หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ให้ความยินยอมไปแล้วโดยชอบ เฉพาะสำหรับข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้เก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยโดยใช้ฐานความยินยอม (consent) เป็นฐานทางกฎหมาย แต่ไม่รวมข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยได้โดยไม่ต้องขอความยินยอมตามมาตรา 24 มาตรา 26 และ/หรือมาตรา 27 วรรคหนึ่ง

ในกรณีที่ท่านพบว่า บริษัท มิได้ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ท่านมีสิทธิร้องเรียนไปยังคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือหน่วยงานที่มีอำนาจกำกับดูแลตามกฎหมาย ทั้งนี้ ก่อนการร้องเรียนดังกล่าว  บริษัทขอให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลโปรดติดต่อมายังบริษัท เพื่อให้บริษัท มีโอกาสได้รับทราบข้อเท็จจริงและได้ชี้แจงในประเด็นต่าง ๆ รวมถึงจัดการแก้ไขข้อกังวลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเป็นโอกาสแรก

ในกรณีที่ท่านได้ให้ข้อมูลส่วนบุคคลแก่บริษัทก่อนที่พระราชบัญญัติจะใช้บังคับ บริษัทจะดำเนินการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามวัตถุประสงค์เดิมของบริษัทต่อไป ท่านอาจขอให้บริษัทหยุดประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับท่านได้ โดยผ่านการติดต่อกับบริษัทตามรายละเอียดที่ไห้ไว้ บริษัทจะตรวจสอบคำขอของท่านเป็นรายกรณี ทั้งนี้ บริษัทขอแจ้งให้ท่านทราบว่า การถอนความยินยอมของท่านอาจส่งผลกระทบต่อบริการที่บริษัทจัดให้ เช่น การให้ข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการของบริษัท เป็นต้นทั้งนี้ หากต้องการใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูลใด ๆ ของท่าน โปรดติดต่อบริษัทตามที่อยู่ที่ระบุไว้ในหัวข้อติดต่อบริษัท ของประกาศฉบับนี้

ทั้งนี้ เป็นไปตามที่กฎหมายที่เกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด เว้นแต่เป็นการขัดหรือแย้งกับบทบัญญัติแห่งกฎหมาย การกระทบต่อความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร กระทบต่อเศรษฐกิจและการพาณิชย์ของประเทศ มีผลต่อการสืบสวนสอบสวนของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมาย หรือการพิจารณาพิพากษาคดีของศาลหรือกระทบต่อสิทธิเสรีภาพของบุคคลอื่น โดยเจ้าของข้อมูลสามารถติดต่อเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (DPO) ได้ที่ตามช่องทางที่บริษัทกำหนด ทั้งนี้ เจ้าของข้อมูลไม่จำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ในการดำเนินตามสิทธิข้างต้น โดยบริษัทจะพิจารณาและแจ้งผลการพิจารณาตามคำร้องภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับคำร้องขอดังกล่าว

คุณภาพของข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทจะดำเนินการให้คุณภาพของข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวมนั้นให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน ตามที่เจ้าของข้อมูลแจ้งและไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
ความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทขอรับรองว่าข้อมูลส่วนบุคคลทั้งหมดที่ถูกเก็บรวบรวมและประมวลผลนั้น จะถูกเก็บไว้และประมวลผลอย่างปลอดภัยและอย่างเคร่งครัดด้วยมาตรฐานความปลอดภัยที่เหมาะสม  โดยบริษัทจะดำเนินการจัดทำและหรือเลือกใช้ระบบการจัดเก็บข้อมูลและการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลด้วยกลไกและเทคนิคที่เหมาะสมตามมาตรการความมั่นคงปลอดภัยของบริษัททั้งมาตรการเชิงองค์กร มาตรการเชิงเทคนิค และมาตรการทางกายภาพ และตามกฎหมาย รวมทั้งจำกัดการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากบุคลากรของบริษัทที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อป้องกันการสูญหาย เข้าถึง ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอำนาจหรือโดยมิชอบ
ทั้งนี้ บริษัทจะทำการทบทวนมาตรการดังกล่าวเมื่อมีความจำเป็นหรือเมื่อเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงไป เพื่อให้มีประสิทธิภาพในการรักษาความปลอดภัยอย่างเหมาะสม หากท่านมีเหตุผลที่เชื่อได้ว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกละเมิด หรือหากท่านมีคำถามใด ๆ เกี่ยวกับประกาศความเป็นส่วนตัวนี้ ขอให้ท่านได้โปรดติดต่อบริษัท ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ในการรักษาความลับ ความถูกต้องครบถ้วน และความพร้อมใช้ของข้อมูลส่วนบุคคลบริษัท บริษัทได้มีมาตรการดังนี้

1. จัดให้มีมาตรการการยืนยันตัวตน (Authentication) กำหนดสิทธิ (Authorization) และการบันทึกกิจกรรม (Accounting) ในการเข้าถึง การใช้ การเปิดเผย การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยด้านสารสนเทศของ บริษัท อย่างเคร่งครัด
2. ในกรณีที่บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศ รวมถึงการนำข้อมูลส่วนบุคคลไปเก็บบนฐานข้อมูลในระบบอื่นใด ซึ่งผู้ให้บริการรับโอนข้อมูลหรือบริการเก็บข้อมูลอยู่ต่างประเทศนั้น ต้องมีมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอหรือเทียบเท่ามาตรการตามประกาศความเป็นส่วนตัว นี้ เว้นแต่เป็นไปตามกฎหมายหรือได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูล
3. ในกรณีที่มีการฝ่าฝืนมาตรการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของบริษัท จนเป็นเหตุให้มีการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล หรือข้อมูลส่วนบุคคลรั่วไหลสู่สาธารณะ บริษัทจะดำเนินการแจ้งเจ้าของข้อมูลให้ทราบโดยเร็ว รวมทั้งแจ้งแผนการเยียวยาความเสียหายจากการละเมิดหรือรั่วไหลของข้อมูลส่วนบุคคลสู่สาธารณะในกรณีที่เกิดจากความบกพร่องของบริษัทที่ส่งผลต่อสิทธิ และเสรีภาพของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ บริษัท จะไม่รับผิดชอบในกรณีความเสียหายใด ๆ อันเกิดจากการใช้ หรือการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลต่อบุคคลที่สาม รวมถึงการละเลย หรือเพิกเฉยการออกจากระบบ (Log out) ที่เจ้าของข้อมูลได้เข้าใช้งาน โดยการกระทำของเจ้าของข้อมูลหรือบุคคลอื่นซึ่งได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูล
4.  บริษัทมีการดำเนินการสอบทาน และประเมินประสิทธิภาพของระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อทำการรักษาข้อมูลส่วนบุคคลให้มีประสิทธิภาพ

คุกกี้

บริษัทอาจวางคุกกี้ไว้บนเว็บเบราเซอร์ของท่าน อุปกรณ์ของท่าน หรืออ่านคุกกี้ที่มีอยู่บนอุปกรณ์ของท่านอยู่แล้ว เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของท่านในการเข้าเยี่ยมชมระบบของบริษัท ทั้งนี้ เมื่อท่านได้เข้าเยี่ยมชมระบบของบริษัทหรือทำการตรวจสอบข้อความ บริษัทจะดำเนินการโดยขอความยินยอมจากท่านก่อน
         อย่างไรก็ตาม ท่านอาจเลือกที่จะปิดการใช้งานคุกกี้ข้างต้นขณะที่เยี่ยมชมระบบของบริษัทได้ แต่การปิดใช้งานคุกกี้ใด ๆ อาจส่งผลกระทบต่อประสบการณ์ของท่านในระบบของบริษัท หากท่านใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ ในการเข้าถึงระบบของบริษัท บริษัทขอแนะนำให้ท่านตรวจสอบให้แน่ใจว่าแต่ละเบราเซอร์ของแต่ละอุปกรณ์นั้นถูกตั้งค่าคุกกี้ตามที่ท่านต้องการ ทั้งนี้ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเรื่อง "ประกาศความเป็นส่วนตัวการใช้คุกกี้" ของบริษัทได้

การเชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันอื่น

ประกาศความเป็นส่วนตัวนี้ใช้เฉพาะสำหรับการให้บริการของบริษัททั้งทางออฟไลน์ และทางออนไลน์โดยการเข้าใช้งานหรือเข้าเยี่ยมชมทางเว็บไซต์ แอพพลิเคชั่น หรือระบบอื่นใดของบริษัทเท่านั้น หากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลใดได้เข้าเยี่ยมชมหรือเข้าใช้เว็บไซต์ หรือแอพพลิเคชั่นอื่น ๆ  (แม้จะผ่านช่องทางในระบบของบริษัทก็ตาม) เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลนั้นจะต้องศึกษาและปฏิบัติตามประกาศความเป็นส่วนตัวคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ปรากฏในเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชั่นนั้น ๆ แยกต่างหากจากของบริษัท
เว็บไซต์ แอปพลิเคชั่น หรือระบบอื่นใดของบริษัท อาจถูกเปลี่ยนเส้นทางไปยังเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชั่นอื่น ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ท่านในการเข้าเยี่ยมชมหรือเข้าใช้เว็บไซต์หรือแอปพลิเคชั่นอื่น ๆ โดยเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชั่นอื่น ๆ เช่นว่านั้นอาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ซึ่งบริษัทจะไม่รับผิดชอบต่อการเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชั่นอื่นดังกล่าว ดังนั้น ท่านจึงควรตรวจสอบมาตรฐานการคุ้มครองความเป็นส่วนตัวของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชั่นเหล่านั้นอย่างรอบคอบก่อนที่ท่านจะเข้าเยี่ยมชมหรือเข้าใช้งานเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชั่นเหล่านั้น

การทบทวนประกาศความเป็นส่วนตัว

บริษัทอาจจะทำการทบทวนประกาศความเป็นส่วนตัวนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติ และกฎหมาย ข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง หรือในกรณีที่กฎหมายที่เกี่ยวข้องดังกล่าวมีการเปลี่ยนแปลงแก้ไข ทั้งนี้ หากมีการเปลี่ยนแปลงประกาศความเป็นส่วนตัวคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้ บริษัทจะแจ้งให้เจ้าของข้อมูลทราบด้วยการอัปเดตข้อมูลลงในเว็บไซต์ หรือแอพพลิเคชั่น หรือระบบอื่นใดของบริษัทโดยเร็ว

เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทได้ดำเนินการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติ โดยแต่งตั้งเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Officer : DPO)  เพื่อตรวจสอบการดำเนินการของบริษัทที่เกี่ยวกับการเก็บรวบรวม  ใช้  และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล   ให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติ รวมถึงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

ติดต่อบริษัท 

หากท่านมีความคิดเห็น คำแนะนำ คำถาม หรือต้องการร้องเรียนเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน โปรดติดต่อบริษัทผ่าน ช่องทางใดช่องทางหนึ่ง ดังนี้  


1. เว็บไซต์ของบริษัท www.simummuangmarket.com  
2. โทรศัพท์หมายเลข 02-995-0610-3 15  
3. จดหมาย ส่งถึง บริษัท ดอนเมืองพัฒนา จำกัด เลขที่ 355/115-116 หมู่ที่ 15 ถนนพหลโยธิน ตำบลคูคต อำเภอลำ ลูกกา จังหวัดปทุมธานี 12130  
4. จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ email: dpo@simummuangmarket.com  
5. ติดต่อด้วยตนเองที่ สำนักงานใหญ่ของบริษัท เลขที่ 355/115-116 หมู่ที่ 15 ถนนพหลโยธิน ตำบลคูคต อำเภอลำ ลูกกา จังหวัดปทุมธานีฝ่ายบริการลูกค้า เวลา 08:30-17:30 น. (เว้นวันหยุดราชการ)